[Kim Him Chan]
หลายวันมานี้ไอ้ยงกุกยังคงพาผมมาที่บ่อนของมัน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมพยายามทำดีกับมันสารพัด อย่าเพิ่งคิดว่าผมพิศวาสมันหละ
ผมแค่แกล้งทำดีกับมันเพื่อให้มันตายใจ อย่างเช่นตอนนี้ที่ผมกำลังนั่งอยู่ข้างกายของมัน
คอยนั่งวางมาดเป็นคู่รักสุดเร้าร้อนกับมันต่อหน้าลูกค้าทางธุรกิจที่เป็นแก๊งมาเฟียจากต่างประเทศ
ไอ้หัวหน้าแก๊งมาเฟียจ้องมองผมอย่างจะกลืนกิน
ผมจึงแกล้งยกยิ้มเล็กๆพร้อมกับส่งสายตายั่วยวนไปให้ ก่อนจะโน้มหน้าไอ้ยงกุกลงมา
แล้วใช้ปลายจมูกเกลี่ยลงบนแก้มซากของมัน
ไอ้หัวหน้าแก๊งมาเฟียถึงกับนิ่งอึ้งกับภาพยั่วยวนตรงหน้า
มันจึงเผลอตอบตกลงกับข้อตกลงที่ดูท่าว่ามันจะเสียเปรียบชัดๆ
ไอ้ยงกุกกับผมยกยิ้มอย่างพอใจที่เหยื่อติดเบ็ด
พอไอ้หัวหน้าแก๊งมาเฟียได้สติแต่มันก็สายไปเสียแล้ว มันได้ตอบตกลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถือว่างานนี้สำเร็จได้เพราะผมแท้ๆ ไอ้ยงกุกหันมากดจูบผมเพื่อเป็นรางวัล
ผมเพิ่งรู้ว่าผมก็มีแววด้านนี้เหมือนกันแหะ
“ถือว่าเราได้ทำการตกลงกันแล้วนะครับ”ไอ้ยงกุกพูดก่อนจะลุกขึ้นยืน มันยื่นมือออกไปตรงหน้าเพื่อจับมือกับอีกฝ่าย
ไอ้หัวหน้าแก๊งมาเฟียยืนตามด้วยอาการที่ยังมึนงง ก่อนจะจับมือกับไอ้ยงกุกอย่างงงๆเช่นกัน
“เดี๋ยวผมจะไปส่งที่ทางออกนะครับ”ไอ้ยงกุกบอกก่อนจะผายมือเชิญ
ไอ้หัวหน้าแก๊งมาเฟียเดินออกไปตามคำเชิญพร้อมลูกน้อง
ไอ้ยงกุกทำท่าจะเดินตามออกไปแต่มันกลับชะงักเท้าแล้วหันกลับมาหาผมกับจีโอที่ยืนอยู่ข้างๆ
“จีโอ.....”มันเรียกก่อนจะเว้นช่วงคำพูดไป มันหันมามองที่ผมแวบหนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“ตามฉันมา....”มันพูดแค่นั้นก่อนจะหันหลังเดินออกไป ผมกับจีโอหันมามองหน้ากัน
จีโอรีบเดินตามเจ้านายตัวเองออกไป แม้จะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่จริงๆแล้วนั้นหมายถึงว่าไอ้ยงกุกให้อิสระกับผม
มันไม่สั่งให้จีโอคอยเฝ้าผมแล้ว
และนั้นยังหมายถึงความไว้วางใจที่มันเริ่มมีให้กับผม
ผมยกยิ้มออกมาเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะเริ่มเดินออกไปจากที่นี้บ้าง ก็แหม...คนอุตส่าห์ได้เป็นอิสระทั้งที่
ผมก็ย่อมอยากเดินไปนู้นไปนี้เองบ้าง แต่ที่จริงแล้วผมกำลังจะไปทำอะไรบ้างอย่างต่างหาก.....
ผมเดินออกมาจากห้องทำงานของไอ้ยงกุก
แต่มันไม่ได้อยู่ที่นี้คาดว่าคงไปส่งไอ้แก๊งมาเฟียพวกนั้น
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายกว่าๆที่นี้จึงยังไม่ค่อยมีคนนัก
แต่คนที่ผมเห็นสะดุดตาคือร่างที่กำลังนั่งดื่มอยู่ที่เคาน์เตอร์
ผมรีบเดินตรงเข้าไปหาทันที
ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆก่อนจะเอ่ยสั่งเครื่องดื่มกับบริกร
คนข้างๆเมื่อได้ยินเสียงผมก็หันมามอง ผมหันไปมองจ้องตอบกลับไป
“วันนี้ไม่มีคนคุมหรอครับถึงออกมาอยู่คนเดียวได้”ผมยกยิ้มนิดๆให้
“มีก็เห็นแล้วสิ
แล้วคริสหละทำไมถึงมานั่งอยู่คนเดียว”ผมถามกลับ
ใบหน้าหล่อเหลานั้นหันกลับไปมองแก้วเหล้าของตัวเองด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ
“ก็ผมอยู่คนเดียวนิ
ไม่ได้มีคนคู่ใจอยู่ข้างกายอย่าง.....”
“อย่าพูดถึงหมอนั้นเลย”ผมแทรกพูดขึ้นก่อนที่ชื่อของไอ้ยงกุกจะหลุดออกมาจากปากของอีกคน
คริสหันกลับมามองผมอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมหละ
คุณกับเขาเป็น เอ่อ...แฟนกันไม่ใช่หรอ”ผมรู้ว่าคริสพยายามหลีกเลี่ยงคำว่าเมีย
และผมรู้สึกขอบคุณเขามากที่ไม่พูดคำนั้น เพราะแค่ทนฟังจากปากไอ้ยงกุกก็มากพอแล้ว
“ฉันไม่อยากพูดถึงมันนะ
แต่ฉันขอถามกลับเรื่องนายกับหมอนั้นได้ไหม ฉันได้ข่าวว่าพวกนายไม่ถูกกันมานานแล้ว”ผมพูด แต่ดูสีหน้าคริสจะเศร้าลงอีกครั้ง
“ไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะ”ผมบอก ผมก็ไม่อยากบังคับใครเหมือนกันถึงจะอยากรู้มากก็เหอะ
“ไม่เป็นไรครับ...
คือเรื่องมันก็นานมากแล้วหละ ตอนสมัยเรียนผมเคยมีแฟนอยู่คนหนึ่ง เรารักกันมาก
คือผมหมายถึงว่าผมคิดว่าเรารักกันมาก”ผมพยักหน้าแล้วนั่งฟังคริสเล่าอย่างตั้งใจ
“แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็เปลี่ยนไป
ผมไปได้ข่าวว่าเธอแอบคบกับใครคนหนึ่ง คนคนนั้นก็คือไอ้ยงกุก”พอเล่าถึงตรงนี้คริสก็ดูเหมือนจะมีอารมณ์โกรธขึ้นมา
เขากำแก้วเหล้าในมือแน่น ผมพอจะเดาเหตุการณ์ต่อจากนั้นได้ว่าทำไมทั้งสองถึงไม่ถูกกันเรื่อยมา.....
และเพราะเรื่องเล่านี้ทำให้ผมได้ข้อมูลมาใช้ในแผนการต่อไป ผมจะทำให้ไอ้ยงกุกกับคริสเกลียดกันมากขึ้น ผมหันไปคว้าแก้วเครื่องดื่มที่บริกรเอามาวางไว้ให้
ก่อนจะเหล่สายตามองคนข้างๆนิดนึง จากนั้นผมก็แกล้งทำเครื่องดื่มหกใส่ตัวเอง
“อ๊ะ! หกหมดเลย โธ่เว้ย...ทำไมถึงซุ่มซ่ามงี้ว่ะเนี้ย”ผมแกล้งบ่นกระปอดกระแปด
และตามคาดคริสรีบหันมาสนใจผม ผมแกล้งปลดกระดุมเสื้อออกสองสามเม็ด
เผยให้เห็นแผ่นอกขาวเนียน
คริสที่หันไปหยิบผ้าเช็ดหน้าก่อนจะหันกลับมาทำท่าจะเช็ดให้ถึงกลับชะงัก
“เหนียวจังเลย
คริสช่วยเช็ดให้หน่อยได้ไหม”ผมเอียงคอบอก คริสจ้องมองหน้าผมกับแผ่นอกสลับกัน
ก่อนที่มือใหญ่จะค่อยๆซับผ้าเช็ดหน้าลงมาบนหน้าอกของผมเบาๆ ผมรู้สึกได้ถึงมือที่สั่นระริก
คริสกำลังแอบลอบกลืนน้ำลายลงคอ ผมเหยียดยิ้มนิดๆให้ คริสเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม
ผมสื่อความหมายผ่านไปทางสายตา....
“ไอ้สัส! มึงมาแตะตัวเมียกูทำไม พลั๊ก!”จู่ๆไอ้ยงกุกที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็พุ่งเข้าชกหน้าคริสเต็มแรง
คริสที่โดนชกล้มลงไปกองกลับพื้น ผมที่ตกใจกับเหตุการณ์รีบลุกขึ้นยืน
“กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าอย่ายุ่งกับเมียกู!”ไอ้ยงกุกบอกก่อนทำท่าจะเข้าไปซ้ำ ผมรีบกระชากแขนมันไว้
“เดี๋ยวไอ้ยงกุก
มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ”ผมบอก ไอ้ยงกุกหันมาหาผมแทน
ใบหน้าของมันโกรธจัด มันกระชากแขนของผมให้เข้าไปใกล้
“ไม่ใช่อย่างนั้นแล้วอย่างไหน
หรือว่ามึงเป็นคนอ่อยมันเอง!”มันตระคอกใส่ผม
ผมรีบหลุบตาลงต่ำ แรงบีบที่ต้นแขนมีมากขึ้น ผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“ไม่ใช่อย่างนั้นอีกแหละ
กูแค่ทำน้ำหกใส่เสื้อ คริสเลยจะช่วยเช็ดให้”ผมบอกก่อนจะแกะมือมันออกจากต้นแขนของผม
มันมองผมกับคริสสลับกัน
“มันเป็นความจริง
กูก็แค่จะช่วย”คริสลุกขึ้นยืนก่อนจะบอก ที่มุมปากมีเลือดไหล
เขายกมือขึ้นแตะมันนิดๆก่อนจะเหล่สายตามองไอ้ยงกุกแล้วเดินจากไปอย่างไม่เอาความ
ผมที่มองตามคริสอย่างรู้สึกผิด แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของแผนผม
ผมต้องทำให้คริสมาอยู่ฝั่งเดียวกับผมเพื่อทำลายไอ้ยงกุกให้ได้
ผมที่มัวแต่มองตามหลังคริสไป
รู้สึกตัวอีกทีตอนโดนไอ้ยกกุกบีบที่ต้นแขนอีกครั้ง
ผมหันไปมองหน้ามันด้วยความเจ็บปวด
“โอ้ยย เชี่ย!
เจ็บนะ ปล่อย...”ผมร้องบอก
“บอกมา...มึงกับมันมีอะไรกัน!”มันไม่ยอมปล่อยแขนผม แถมยังตระคอกเสียงดังถามผมอีก ผมที่เริ่มจะโมโหขึ้นมาบ้างต้องรีบสะกดกลั้นอารมณ์ไว้
ไม่งั้นแผนที่วางไว้จะได้พังหมดแน่....
“กูไม่ได้มีอะไรกับใครทั้งนั้น
กูก็ยังเป็นของมึงคนเดียวนั้นแหละ”ผมบอก
ไอ้ยงกุกจ้องมองเข้าไปในแววตาของผมเหมือนต้องการจะค้นหาความจริง แต่มันคงไม่พบอะไร
มันจึงยอมปล่อยแขนผมให้เป็นอิสระ ผมยกมือขึ้นจับแขนของตัวเองลูบไปมา
นี้มันคุ้มกับแผนการของผมไหมเนี้ย....
ระหว่างผมกับมันไม่มีใครพูดอะไรต่อ
ผมยังคงยกมือบีบแขนตัวเองไปมา
จนกระทั่งมันมองมาที่หน้าอกและเสื้อของผมที่เปียกชุ่มบริเวณอกเป็นวงกว้าง
“ไปกับกู...”จู่ๆมันก็พูดขึ้นก่อนจะคว้าข้อมือของผม ผมรีบรั้งตัวเองไว้
“เดี๋ยว...มึงจะให้กูไปไหน”ผมถามมัน มันหันกลับมาจ้องหน้าอกของผมอีกครั้ง
ผมมองตามมันก่อนจะรีบดึงเสื้อปิด นี้มันไม่ได้เกิดมามีอารมณ์อะไรตอนนี้ใช่ไหมเนี้ย
ซวยแล้วสิไอ้ฮิมชาน....
“กูจะพามึงไปซื้อเสื้อใหม่
จะอยู่ชุดนี้ทั้งวันเลยรึไง เสื้อเลอะขนาดนั้น”คำตอบของมันเล่นเอาผมเอ๋อไปเลย
ผิดคลาดเลยแหะ
“อ อ้าวหรอ...”ผมพูด
“ไปได้แล้ว”มันว่าก่อนจะลากผมไป ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วผมทำบาปอะไร ชาตินี้ถึงถูกมันลากเอาๆ
*********
[Yoo Young Jae]
ผมกำลังขับรถด้วยความเร็ว
จุดหมายปลายทางคือโรงพยาบาลที่พีแจบอมพักรักษาตัวอยู่
หลังจากที่ผมพยายามติดต่อพี่แจบอมอยู่หลายครั้งและแล้วก็มีคนรับสาย
นั้นคือนางพยาบาลนั้นเอง
เธอบอกว่าพี่แจบอมถูกพาไปส่งโรงพยาบาลเมื่อคืนนี้โดยผู้พบเห็นคนหนึ่ง
อาการคือเหมือนถูกซ้อมมา พี่แจบอมไปโดนใครทำร้ายกันทั้งๆที่เป็นตำรวจแท้ๆ
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลผมรีบพุ่งตรงไปที่ห้องที่พี่แจบอมพักอยู่ทันที
ผมเปิดประตูพรวดเข้าไปโดยที่ไม่ทันคิดว่าต้องเคาะก่อน
ทำให้ผมพบกับพี่แจบอมที่กำลังเปลือยท่อนบนให้นางพยาบาลเช็ดตัวอยู่
“อ๊ะ! ข...ขอโทษครับ”ผมรีบเอ่ยขอโทษก่อนทำท่าจะปิดประตูลงเหมือนเดิม
“ยองแจ...ไม่เป็นไรพี่เสร็จแล้ว”เสียงพี่แจบอมพูดขัดไว้ ผมหันไปมองอีกครั้งด้วยใบหน้าแดงแจ๋
นางพยาบาลเก็บอุปกรณ์ต่างๆก่อนจะยิ้มให้ผมแล้วเดินสวนออกไป
ผมค่อยๆเดินเข้าไปหาคนที่นอนอยู่บนเตียง
“ยองแจมาเยี่ยมพี่หรอ...”พี่แจบอมถามเสียงหวาน ดูแล้วเหมือนคนไม่ได้เป็นอะไรเลยแหะ
แต่ก็มีรอยฟกช้ำให้เห็นตามตัวกลับใบหน้า
“ใครทำร้ายพี่หรอครับ”ผมถามเข้าประเด็นเลย พี่แจบอมหุบยิ้มลง เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันนะ
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร
แต่มันบอกพี่ว่าอย่ายุ่งกับเมียมันอีก พี่ก็ไม่รู้ว่าพี่ไปยุ่งกับเมียใครกัน”ผมนิ่งอึ้งไป
จากคำบอกเล่าของพี่แจบอมผมเดาได้ไม่ยากเลยว่าเป็นฝีมือของใครกัน ไอ้เซโล่....ผมก็พอจะรู้อยู่หรอกว่ามันเริ่มระแคะระคายเรื่องของผมแล้ว
แต่ไม่คิดว่ามันจะทำถึงขนาดนี้
“เออ...แล้วพี่ไปทำอะไรแถวนั้นหรอครับ
สถานที่ที่นางพยาบาลบอกผมว่ามีคนไปพบพี่มันไม่ใช่ทางกลับบ้านพี่ไม่ใช่หรอครับ”ผมถาม
“อ่อ ใช่สิ
พี่เกือบลืมไปเลย”ผมเอียงหน้าเหมือนจะถามว่าลืมอะไร
สีหน้าของพี่แจบอมดูจะเคร่งเครียดขึ้น
“คือ...พี่รู้แล้วว่าทายาทตระกูลไฟคนนั้นคือใคร”ผมเบิกตากว้างมองหน้าพี่แจบอมอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ใครครับ
ใครที่จับตัวไอ้ฮิมชานไป”ผมถามด้วยความร้อนใจ
“ตระกูลดาร์ก บัง
ยงกุก...!”
**********
[Bang Yong Gook]
ผมขับรถพาไอ้ฮิมชานออกมาข้างนอก
นี้ผมทำถูกใช่ไหมกับการพามันออกมาข้างนอกที่ไม่ใช้ที่บ่อนของผมครั้งแรกโดยไม่มีการกักกุมใดๆทั้งสิ้น
การเปลี่ยนไปของไอ้ฮิมชานทำผมแปลกใจไม่น้อย แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะบอกว่ารู้สึกดีกับสิ่งที่มันทำ
จึงทำให้ผมเริ่มที่จะละเลยกับการกักกุมมันไว้
ผมเหลือบมองมันที่นั่งอยู่ข้างๆ
มันจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างรถเหมือนไม่ได้เห็นโลกภายนอกมานานอย่างงั้นแหละ
แต่ผมก็พอจะเข้าใจเพราะมันถูกผมจับตัวไว้นานเกือบเดือนได้แล้ว
ผมจอดรถลงที่หน้าร้านเสื้อผ้าประจำของผม
ก่อนจะสั่งให้มันลงจากรถแล้วเดินตามผมเข้าไปในร้าน
พนักงานในร้านเมื่อเห็นหน้าผมก็รีบพุ่งตรงเข้ามาหาทันทีอย่างรู้งาน
ผมดันไอ้ฮิมชานไปข้างหน้าบรรดาพนักงาน พวกเธอเข้าใจทันทีว่าผมต้องการอะไร
จึงจับไอ้ฮิมชานไปทาบกับเสื้อตัวนู้นทีตัวนี้ที
“อ้ากก.... อะไรเล่า
นี้ฉันถอดเองได้ ปล่อยมือก่อนเซ่...”เสียงไอ้ฮิมชานโวยวายออกมา
ผมที่กำลังจะไปหาที่นั่งรอกลับต้องขมวดคิ้วหันกลับไปมองมันอีกครั้ง
มันกำลังจับเสื้อของตัวเองยื้อกับพนักงานที่จะถอดเสื้อของมันไปทิ้ง
เพราะเสื้อของมันเลอะเครื่องดื่ม
“ถอดเถอะค่ะ
เสื้อมันเลอะหมดแล้ว คุณจะได้ลองเสื้อด้วย”
“หลบไป...”พนักงานหลีกทางให้ผม เมื่อผมเดินเข้ามาในเหตุการณ์ชุลมุนนี้
“นี้
มึงจะโวยวายห่าอะไรเนี้ย”ผมว่ามัน มันส่งสายตาค้อนๆมาให้ผม
หึ...คิดว่าน่ากลัวตายหละ ผมหันไปเลือกเสื้อมาสองสามตัวที่คิดว่าเหมาะกับมัน
ก่อนจะลากมันไปที่ห้องลองเสื้อผ้า
“เห้ย! กูไม่เข้าไปกับมึงนะ”มันบอกแต่ไม่ทันซะแล้วหละ
ผมลากมันเข้ามาก่อนจะล็อกประตู แล้วยืนขวางประตูไว้ไม่ให้มันออก
“ถอดเสื้อออก...”ผมเอ่ยสั่ง มันจ้องหน้าผมอย่างตื่นๆ
“กูไม่ถอด
มึงถอยไม่นะกูจะออกไป”ผมชักสีหน้าอย่างเบื่อหน่ายมัน
ก่อนจะจับมันถอดซะเองเลย
“เห้ย! มึงจะทำอะไรน่ะ อย่านะ”มันร้องโวยวายพร้อมกับดิ้นไม่หยุด
นี้มันคิดว่าผมจะทำอะไรมันรึไงเนี้ย
มันดิ้นไปมาจนตอนนี้เสื้อผ้าของมันหลุดลุ่ยจนเริ่มจะดูเหมือนผมกำลังทำอะไรมันแล้ว
“แคว่กกก!”ในที่สุดเมื่อถอดไม่ได้ก็กระชากแม่งซะเลย ไอ้ฮิมชานมองผมอย่างอึ้งๆ
ผมโยนเสื้อที่เลือกไว้ให้มัน
“ใส่ซะ
แล้วรีบออกไปหละ ไม่งั้นกูจะเข้ามาทำอย่างอื่นแทนจริงๆ”ผมพูดขู่มัน
ก่อนจะเดินออกมาจากห้องลองเสื้อด้วยอาการเหนื่อยๆเหมือนเพิ่งไปฟัดกับหมามา
หมาที่ชื่อฮิมชาน....
ผมรอมันอยู่ไม่นานมันก็เดินตามออกมาพร้อมกับสวมเสื้อที่ผมเลือกให้
ผมกะขนาดไซน์มันได้พอดีตัว มันจ้องหน้าผมอย่างไม่พอใจแต่ผมไม่สนหรอก
ก็มันอยากดื้อกับผมก่อนทำไมหละ
“คิดเงินด้วย”ผมหันไปพูดห้วนๆกับพนักงานพร้อมกับยื่นบัตรเครดิตให้ ไอ้ ฮิมชานยืนรอทำหน้าบึ้งตึง ผมเหลือบมองมันเป็นระยะ
พนักงานคิดเงินไม่นานก็เดินกลับมาพร้อมกับส่งบัตรเครดิตคืนให้ผม
“ไปได้แล้ว...”ผมหันไปบอกมันก่อนจะเดินนำมันออกมาจากร้าน
“เดี๋ยวไอ้ยงกุก...”มันเรียกผมไว้ตอนที่เดินมาถึงรถ ผมหันกลับไปมองมันด้วยสายตาว่า มึงเป็นเชี่ยไรอีก....
“อะไร...”
“ไหนๆมึงก็พากูออกมาข้างนอกแล้วพากูไปกินข้าวหน่อยสิ
กูหิวแล้วนะ”มันบอก
“ไม่”ผมตอบโดยไม่ต้องคิด เพราะยังไงผมก็ยังไม่ไว้ใจมันอยู่ดี
ถ้าเกิดมันมีแผนอะไรแล้วหนีไปหละ
“ท...ทำไมอ่ะ
หรือมึงคิดว่ากูมีแผนจะหนีรึไง”มันเดาความคิดผมออก
“กูไม่ทำอย่างนั้นหรอก
มึงก็อยู่ด้วยคิดว่ากูจะกล้าหนีรึไง อีกอย่างกูก็ล้มเลิกความคิดที่จะหนีไปนานแล้วด้วย”มันพูดพร้อมกับก้มหน้าเขินๆช้อนตาขึ้นมองผม
ผมจ้องมองมันไม่รู้ว่าที่มันพูดนั้นจริงรึเปล่า
จะบอกว่าที่มันล้มเลิกความคิดที่จะหนีเพราะรักผมงั้นหรอ
ถึงจะไม่ค่อยเชื่อแต่ผมก็อดสั่นไหวไม่ได้
…….
…………..
…………………
ในที่สุดผมก็พามันมาที่ร้านอาหารจนได้
มันสั่งอาหารมากมายทำอย่างกับไปตายอดตายอยากมาจากไหนงั้นแหละ
ทั้งๆที่ผมว่าผมก็ให้อาหารมันกินทุกมื้อนะ
“นี้มึงจะสั่งมาเผื่อแดกชาติหน้ารึไงว่ะ”ผมว่ามัน
“กูก็สั่งเผื่อมึงไง...”มันบอกพร้อมกับฉีกยิ้มให้ ผมถึงกับชะงัก นี้มันสั่งเผื่อผมด้วยงั้นหรอแถมยังรอยยิ้มนั้นอีก...
“ไอ้ฮิมชาน
มึงบอกกูมาดีกว่าว่ามึงมีแผนอะไร กูไม่เชื่อหรอกนะที่จู่ๆมึงจะมาทำดีกับกู”
“แผนอะไรหรอ...”มันมองหน้าผมเหมือนไม่เข้าใจ นี้มันกำลังแกล้งทำรึเปล่า ผมจ้องหน้ามันนิ่ง
จนกระทั่งมันถอนหายใจออกมา....
“เฮ้อ.... กูยอมบอกก็ได้ว่าทำไมถึงยอมทำดีกับมึง”ในที่สุดมันก็ยอมบอก ผมกระตุกรอยยิ้มที่มุมปาก ว่าแล้วเชียวว่ามันจะต้องมีแผนการอะไรแน่ๆ
“ที่กูทำดีกับมึงเพราะ....”มันก้มหน้านิ่ง สองมือกำเข้าหากันแน่น
“เพราะ...มึงเป็นคนแรกที่กูมีอะไรด้วย
ถึงมึงจะโหดร้ายกับกูแต่ความจริงก็คือว่ากูเป็นของมึงแล้ว
กูคงห้ามไม่ได้ถ้ามึงจะทำลายตระกูลของกู
แต่กูก็หวังว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจของกูที่มีต่อมึง
จะช่วยล้างความโกรธแค้นในใจของมึงออกได้เช่นกัน”พูดจบมันก็เงยหน้าขึ้นสบตากับผม
แววตาที่สั่นระริกนั้นผมมองไม่ออกว่าที่มันพูดนั้นจริงหรือโกหก แต่ผมกำลังรู้สึกว่าหัวใจเต้นรัวแรง.....
“กูไม่รู้ว่ามึงพูดจริงหรือโกหก
แต่จำไว้ว่าถึงกูจะโกรธแค้นตระกูลมึงแค่ไหน กูก็ไม่เคยคิดที่จะฆ่ามึงให้ตายจริงๆ”ผมพูดสิ่งที่อยู่ในใจผมแท้จริง มันฉีกยิ้มบางๆมาให้
ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผมไว้ มือบางของมันกุมมือของผมแน่น
ผมควรจะเชื่อมันไหม
มันรักผมจริงๆรึเปล่า แล้วถ้ามันรักผมจริง.....แล้วผมเองก็ดันรักมัน
ผมควรจะทำยังไงต่อไปดี
“เดี๋ยวกูมานะ”มันพูดพร้อมกับลุกขึ้น ผมรีบคว้ามือมันไว้ทันที
“มึงจะไปไหน”ผมถามเสียงเข้ม มันมองหน้าผมยิ้มๆ
“กูจะไปห้องน้ำ
ไม่ต้องกลัวหรอกน่า...กูบอกแล้วไงว่าจะไม่หนี
ถึงหนีกูรู้ว่ามึงต้องตามหากูเจออยู่ดี กูยังไม่อยากตายหรอกนะ”มันบอก ผมจ้องหน้ามันอย่างไม่ไว้ว่างใจแต่ก็ยอมปล่อยมือมัน
มันค่อยๆเดินจากไป ผมมองตามแผ่นหลังของมัน ถ้ามันกลับมา....ผมจะยอมเชื่อแล้วว่ามันรักผมจริงๆ
[Kim Him Chan]
ผมเดินจากไอ้ยงกุกมา
ที่จริงแล้วผมไม่ได้ต้องการจะเข้าห้องน้ำและที่ขอให้มันพามาทานอาหารก็ไม่ใช่เพราะหิว
ผมแค่ต้องการหาโอกาสหาทางติดต่อกลับไปที่บ้านของผม
เมื่อกี้ผมก็เพิ่งเกือบโดนไอ้ยงกุกจับได้เรื่องแผนการของผมซะแล้ว
แต่โชคยังเป็นของผมเมื่อผมโกหกออกไปเอาตัวรอดได้อย่างหวุดหวิด
ผมมองซ้ายมองขวาอยู่ที่หน้าห้องน้ำ
ก่อนจะมองเห็นประตูหลังร้านที่พนักงานของร้านเพิ่งเดินเข้ามา
ผมมองซ้ายมองขวาอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูเดินออกไป
ผมเดินผ่านผู้คนมากมาย
ตอนนี้ผมกำลังมองหาตู้โทรศัพท์ เหรียญที่เจอในห้องลองเสื้อผ้าถูกผมกำไว้ในมือแน่น ผมเดินออกมาไกลขึ้นเรื่อยๆพร้อมหันมองกลับไปที่ด้านหลังเป็นระยะ
จนกระทั่งผมก็ได้เจอกับตู้โทรศัพท์สาธารณะแล้ว ผมพุ่งตรงเข้าไปในนั้นทันที....
แต่เพราะความรีบร้อนทำให้เหรียญในมือล่วงหล่น
มันกลิ้งออกไปนอกตู้โทรศัพท์ ผมรีบเปิดประตูออกไปไล่คว้ามัน มือของผมคว้าไม่ถูกมันซักที
มันกลิ้งหนีมือผมออกไปก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ปลายเท้าของใครคนหนึ่ง ผมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเท้านั้นก่อนจะต้องเบิกตากว้างออกมา!!!!
********
[Yoo Young Jae]
ผมต้องเบิกตากว้างเมื่อหลังจากขับรถออกมาจากโรงพยาบาล
ผมก็เห็นใครคนหนึ่งที่คุ้นเคยกำลังรีบร้อนไปไหนซักแห่ง
ผมรีบจอดรถแล้วลงจากรถเดินตามไปทันที
เพราะแถวนี้คนพลุกพล่านผมไม่สามารถจะขับรถไล่ตามไปได้
ก่อนจะมาพบว่าคนคนนั้นพุ่งตรงเข้าไปในตู้โทรศัพท์
เหรียญในมือของร่างนั้นกลิ้งตกลงพื้น
ร่างนั้นไล่ตระคลุบมันไว้แต่ก็พลาด
ก่อนที่เหรียญนั้นจะกลิ้งมาหยุดที่ปลายเท้าของผม ร่างนั้นค่อยๆเงยหน้าขึ้นจ้องมอง
“ไอ้ยองแจ!!!”
ผมโผเข้ากอดมันไว้ทันที
“ไอ้ฮิมชาน...มึง...มึง...”ผมพูดอะไรไม่ออก รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลพรากออกมาให้ได้
“ไอ้ยองแจ...กู...กู..”ไอ้ฮิมชานก็พูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน มันกอดตอบผมแน่น
“ทำไมมึงถึงมาอยู่ที่นี้
กูคิดว่ามึง....”ผมดันตัวออกก่อนจะเอ่ยถาม
ผมมองมันเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นมันจริงๆ
“ใช่ กูถูกไอ้ยงกุกจับตัวไป”มันบอก ผมกำมือแน่น ใช่อย่างที่พี่แจบอมบอกจริงๆ
ไอ้ยงกุกมันจับตัวไอ้ฮิมชานไป!
“แล้วทำไมมึงมาอยู่ที่นี้ว่ะ
หรือว่ามึงหนีออกมาได้แล้วใช่ไหม งั้นก็ไปกันเหอะกูจะพามึงกลับบ้านเอง....”ผมบอกก่อนทำท่าจะลากให้มันไปที่รถที่จอดทิ้งไว้
แต่มันกลับรั้งมือผมไว้ก่อน
“เดี๋ยวไอ้ยองแจ
กูไม่ได้หนีมันออกมาและกูก็ยังกลับบ้านไม่ได้ด้วย...”ผมหันกลับไปมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ
มันหมายความว่ายังไงกัน....
“ทำไม...”
“คือ...กูกำลังทำอะไรบางอย่าง
ไอ้ยงกุกมันจะทำลายตระกูลของกู กูต้องช่วยตระกูลกูให้ได้ก่อน กูต้องกลับไปหามัน”
“มึงจะบ้ารึไงไอ้ฮิมชาน
ถ้ามึงกลับไปมึงอาจจะไม่ได้กลับมาอีกก็ได้นะ เรื่องของตระกูลมึงเอาไว้ก่อน
มึงควรห่วงชีวิตของตัวเองก่อนสิว่ะ”ผมด่ามัน
นี้มันคิดบ้าอะไรของมันอยู่ ผมไม่เห็นด้วยเด็ดขาดที่มันจะกลับไป
“ยังไงกูก็ต้องกลับไป
และมึงเชื่อกูเหอะว่าไอ้ยงกุกไม่ฆ่ากูแน่นอน
แต่ที่แน่ๆตอนนี้มึงช่วยกลับไปบอกพ่อกับแม่กูทีว่ากูปลอดภัย
แล้วกูก็กำลังวางแผนจะทำลายไอ้ยงกุกด้วย”ผมยังไม่เข้าใจมันอยู่ดีว่ามันจะทำอะไร
“กูต้องไปแล้วไอ้ยองแจ
ไอ้ยงกุกมันรอกูอยู่ ถ้ากูกลับไปช้ามันอาจจะสงสัยได้”มันบอก
“แต่...ไอ้ฮิมชาน...”ผมทำท่าจะรั้งมันไว้ มันแตะที่มือผมเบาๆพร้อมกับฉีกยิ้มให้
“เชื่อใจกูยองแจ
กูไม่เป็นอะไรจริงๆ แต่ถ้ามึงเป็นห่วง กูถูกไอ้ยงกุกจับตัวไปไว้ที่xxx”ผมพยักหน้ารับ อย่างน้อยผมก็รู้ว่ามันถูกจับตัวไปไว้ที่ไหน
มันทำท่าจะเดินจากไปแต่ก็หันกลับมา
“เออ...ไอ้ยองแจ กูจะบอกมึงว่า
กูเจอไอ้เซโล่อยู่กับไอ้ยงกุกด้วย พวกมันกับไอ้แดฮยอนรวมมือกันค้ายาเสพติด
และยังร่วมกันทำเรื่องผิดกฎหมายอื่นอีก กูอยากบอกให้มึงระวังตัวไว้ด้วย”พูดจบมันก็รีบร้อนเดินจากไป ผมได้แต่ยืนนิ่งงัน...
ไอ้เซโล่ค้ายาเสพติดและทำเรื่องผิดกฎหมายงั้นหรอ.....
*********
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น