วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

B.a.p : Dark Love ความรักสีดำ Chapter 11

[Kim Him Chan]

ผมตื่นขึ้นมาพร้อมดวงตาที่บวมช้ำจากการนอนร้องไห้ทั้งคืน ข้อมือที่โดนกุญแจมือบาดถูกทำแผลแล้วเรียบร้อย ผมลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างเอื่อยๆ รู้สึกเหมือนชีวิตนี้ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไรอีกแล้ว เพราะอีกไม่นานผมก็คงถูกไอ้ยงกุกยิงทิ้ง....
แกร๊ก....เสียงประตูเปิดออกโดยไม่ต้องขออนุญาตเข้ามา ผมไม่ได้หันไปมองว่าเป็นใครที่เดินเข้ามา ผมยืนแต่งตัวอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าเสียงฝีเท้าเดินตรงเข้ามาหาผม
ภาพที่สะท้อนบนกระจกคือผมที่กำลังติดกระดุมเสื้ออยู่กับไอ้ยงกุกที่ยืนซ้อนด้านหลัง มันจ้องมองผมผ่านทางกระจกโดยไม่ได้เอื้อนเอ่ยใดๆออกมา
มือผมที่กำลังติดกระดุมเสื้อถูกจับไว้ มือสากของมันอีกข้างลูบไล้เข้ามาใต้เสื้อ ไอ้ยงกุกค่อยๆก้มลงกดจูบที่ซอกคอผมเบาๆ ผมหลับตาพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วหันไปผลักตัวมันออก
อย่ามายุ่งกับกู! อยากมากก็ไปเอาลูกน้องมึงสิผมตะคอก ไอ้ยงกุกจ้องหน้าผมอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ มันพุ่งเข้ามาบีบค้างผมแน่น
ทำไมกูจะยุ่งกับมึงไม่ได้ ในเมื่อมึงเป็นเมียกูแล้ว แล้วอีกอย่างลูกน้องกูคงจะสู้มึงไม่ได้หรอก พยศอย่างเนี้ยเร้าอารมณ์กูดีพูดจบมันก็กระชากผมไปที่เตียง มันกดผมลงก่อนจะขึ้นคร่อม ผมพยายามขัดขืนมัน
ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูดังขึ้นช่วยผมไว้ เป็นจีโอเองที่เดินเข้ามา เขามองผมนิดนึงก่อนจะเบือนหน้าหนีทำเป็นไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งผมเองก็รู้สึกขอบคุณ ที่เขาไม่ได้มองผมด้วยความสมเพศหรือเหยียดหยาม
มีอะไร...ไอ้ยงกุกลุกออกจากตัวผม มันเอ่ยถามแต่สายตายังมองผมอยู่
ได้เวลานัดคุยเรื่องสินค้ากับแก๊งยากูซ่าที่มาจากญี่ปุ่นแล้วครับจีโอบอก มันยกยิ้มซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันยิ้มอะไร มันเดินเข้ามาจับคางผม ผมสะบัดมือมันออก

แก๊งยากูซ่างั้นหรอ... กูจะไปเดี๋ยวนี้แหละ แต่กูจะเอาไอ้เหี้ยนี้ไปด้วยผมและจีโอเบิกตากว้าง นี้มันจะพาผมไปด้วยงั้นหรอ.....

********

[Jung Dae Hyun]

จงออบอย่าลืมกินข้าวนะครับพี่เป็นห่วง...
ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พี่แดฮยอนตั้งใจทำงานนะครับ
อือ... พี่ถึงที่ทำงานแล้วหละ งั้นแค่นี้ก่อนนะ พี่รักจงออบนะ
ผมก็รักพี่แดฮยอนครับ จุ๊ฟ...
ผมยิ้มแก้มปริก่อนที่สายจะถูกตัดไป วันนี้ผมมีนัดกับไอ้ยงกุกแล้วก็ไอ้เซโล่ ไปคุยเจรจาเรื่องสินค้า ก็พวกยาเสพติดนั้นแหละกับแก๊งยากูซ่าญี่ปุ่น ซึ่งถ้าการเจรจาไปได้ดีก็คงได้ร่วมทำธุรกิจกัน แต่ถ้าไม่งานนี้ก็คงต้องมีนองเลือดกันบ้าง เพราะกฎของธุรกิจมืดคือ ถ้าไม่เป็นมิตรก็คือศัตรู.....
ผมเลี้ยวรถเข้ามาที่หน้าโกดังร้างก่อนจะดับเครื่องยนต์ กระจกมองหลังถูกดึงมาส่อง แววตาอ่อนโยนแปลเปลี่ยนไปกลายเป็นนิ่งเรียบ ผมหยิบปืนขึ้นมาเหน็บไว้ด้านหลัง ทุกอย่างต้องเตรียมพร้อมเสมอ ก่อนจะก้าวเดินลงจากรถ
ข้างในโกดังไม่ได้ร้างอย่างข้างนอกที่เห็น มันถูกตั้งไว้หลอกตาพวกเจ้าหน้าที่ตำรวจเฉยๆ จริงๆแล้วข้างในนั้นเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่เลยทีเดียว ผู้คนมากมายกำลังทำการแข่งขันแข่งกันล่มจม เพราะการพนันนั้นไม่เคยทำให้ใครรวยขึ้นมาได้หรอก
ผมกวาดตาไปรอบๆก็พบกับไอ้หัวหยอยๆกำลังนั่งดื่มอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์คนเดียว ไอ้เซโล่มันกำลังยกแก้วเหล้าขึ้นกระดก หน้าตาซึมเศร้าเหมือนกับคนอกหักก็ไม่ปาน พอกระดกเหล้าหมดแก้วมันก็ขว้างแก้วทิ้งอย่างไม่ใยดี
เพล้ง!”เสียงแก้วแตก บรรดานักพนันและพนักงานชงเหล้ารวมถึงชายในชุดสูทสีดำอีกหลายคนหันมามองที่มัน แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็จะว่าอะไรได้ไงในเมื่อมันเป็นเจ้าของที่นี้ ผมเดินเข้าไปหามัน
แดกแต่หัววันเลย ถูกเมียทิ้งหรอว่ะมันหันควับมามองผม สายตาบ่งบอกว่าไม่ขำ ผมถึงกับนิ่งอึ้งนี้ผมพูดอะไรแทงใจมันหรอ แต่แล้วหน้านิ่งๆของมันกับค่อยๆเริ่มเบะปากออกมา แล้วก็.....
ฮือ....ยองแจทิ้งกู กูไม่ได้ตั้งใจ กู@$%#&*@^อ่า....บอกตรงๆว่าผมฟังมันไม่รูเรื่อง....
มึงหยุดร้องแล้วค่อยๆพูดได้ป่ะว่ะ แล้วนี้มึงเป็นถึงหัวหน้าตระกูลเสือกมานั่งร้องไห้เนี้ยนะ ลูกน้องจะเลิกนับถือมึงดีไหมเนี้ยผมพูด
ฮึก กูบอกว่า ฮึก ยองแจทิ้งกู ฮึก กูไม่ได้ตั้งใจ ฮึกๆ กูแค่หึงมันอ่า...ผมพอจะเริ่มจับใจความได้ แต่มันก็ยังสะอึกสะอื้นจนเกือบฟังไม่รู้เรื่อง
อ่อ.... ก็สมควรแล้วนิ
เชี่ย...!”ทีนี้เสือกพูดซะชัดเลยนะมึง
มันหยุดร้องไห้แต่จริงๆก็ไม่ได้ร้องหรอกแค่แกล้งเล่นเฉยๆ ผมเองก็เข้าใจว่าไอ้เซโล่มันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น แต่มันก็คงเศร้าเรื่องยองแจถึงได้มานั่งดื่มอยู่แบบนี้
แล้วไอ้พวกแก๊งยากูซ่าหละ มันมายังว่ะผมเอ่ยถาม ก่อนจะคว้าแก้วเหล้าที่เด็กชงเหล้าเอามาให้ขึ้นกระดก
มาแล้ว...กูให้รออยู่ข้างใน ตอนนี้ก็เหลือแค่รอไอ้ยงกุก มาเมื่อไหร่ค่อยเข้าไปเจอพวกมันพร้อมกันผมพยักหน้ารับ
นั้นไงพูดปุ๊บก็มาปั๊บเลยผมชี้มือไปที่ทางเดินเข้ามา ไอ้ยงกุกกับลูกน้องกำลังเดินเข้ามา ผมกับไอ้เซโล่ทำหน้าประหลาดใจ ไม่ใช่ไอ้ยงกุกที่หน้าประหลาดใจ แต่ที่หน้าประหลาดใจเห็นจะเป็นคนที่เดินเคียงข้างมากับมัน....
เห้ย! นั้นมัน...ผมกับไอ้เซโล่จ้องมองอย่างอึ้งๆ
ไงพวกมึง ไอ้พวกนั้นอยู่ไหนหละ จะได้จัดการให้เรียบร้อยไอ้ยงกุกเดินเข้ามาก่อนจะเอ่ยถาม
พวกกูกำลังรอมึงอยู่อ่ะ พวกมันอยู่ข้างในแล้วไอ้เซโล่ตอบแบบยังอึ้งๆอยู่ ตายังจับจ้องคนที่ยืนข้างกายไอ้ยงกุก
หึ งั้นก็เข้าไปกันเลย...ไอ้ยงกุกบอกก่อนจะเดินนำพวกผมไป พร้อมกับร่างที่เดินเคียงข้างกับมัน ทุกคนกำลังสงสัยใช่ไหมว่าผมกับไอ้เซโล่อึ้งอะไรกัน
พอไอ้ยงกุกเปิดประตูเข้าไป ไอ้พวกแก๊งยากูซ่าที่ทำหน้าโหดก็ต้องอ้าปากค้าง พวกมันจ้องมองร่างที่เดินเข้ามาพร้อมไอ้ยงกุก ใบหน้าขาวจมูกโด่งรั้น ริมฝีปากแดงเรื่อ และแววตาที่ดูพยศ แต่ช่างดูมีเสน่ห์ดึงดูดใจ และยิ่งแต่งกายด้วยชุดเฟอร์สีดำก็ยิ่งทำให้ดูเซ็กซี่ ไอ้ยงกุกเหยียดยิ้มมันโอบเอวคนข้างๆ ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาตรงข้ามกับไอ้หัวหน้าแก๊งยากูซ่า
คนที่ไอ้ยงกุกพามาด้วยนั้นก็คือคิม ฮิมชาน ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่า แต่รู้สึกว่าพอทั้งคู่อยู่ด้วยกันแล้ว ยิ่งเวลายืนเคียงข้างกันยิ่งดูมีอำนาจมากขึ้น ไอ้ยงกุกเหมือนหัวหน้ามาเฟีย ส่วนฮิมชานก็เป็นคนรักของมาเฟีย ทั้งสองช่างดูเหมาะสมกันอย่างบอกไม่ถูก
ผมกับไอ้เซโล่เดินตามเข้าไปข้างใน แล้วนั่งลงข้างๆไอ้ยงกุก ไอ้หัวหน้าแก๊งยากูซ่ายังคงจ้องมองร่างข้างๆไอ้ยงกุกอย่างไม่ว่างตา หึ...หลงเสน่คิมฮิมชานแล้วหละสิ
งั้นเรามาเริ่มเจรจากันเลยดีกว่าไอ้ยงกุกบอก เรียกสติของไอ้หัวหน้าแก๊งให้กลับคืนมา
ฉันต้องการให้พวกนายผูกขาดสิ้นค้ากับฉันเพียงคนเดียวห้ามขายให้แก๊งไหนที่ญี่ปุ่นเด็ดขาดไอ้หัวหน้าแก๊งเปิดประเด็ดทันที มันเปลี่ยนสีหน้ามาตึงเครียดอย่างเดิม ผมและไอ้เซโล่หันมามองหน้ากัน
คงไม่ได้หรอก ถ้าทำแบบนั้นธุรกิจของพวกเราก็ย่ำแย่พอดี อย่าเห็นแก่ตัวนักสิไอ้ยงกุกพูด คำพูดของมันช่างตรงซะเหลือเกิน
แต่ทางเราจะจ่ายเงินให้เป็นสองเท่าทุกครั้ง ว่าไง...สนใจข้อเสนอนี้ไหมไอ้หัวหน้าแก๊งยากูซ่ายกยิ้มพูด
แล้วทำไมต้องเป็นสินค้าของเราด้วยเป็นผมเองที่ถาม
เพราะสินค้าของพวกคุณได้คุณภาพ แถมไม่ค่อยมีตำรวจกล้ามายุ่มย่ามด้วยหึ...ผมว่าเรื่องตำรวจมันเข้าใจผิดแล้วหละ ที่พวกมันไม่เข้ามายุ่มย่ามนั้นแสดงว่าพวกมันเข้ามายุ่มย่ามแล้วตายห่าไปแล้วต่างหาก
ไม่หละ พวกเราไม่คิดจะผูกขาดกับใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเพิ่มเงินให้อีกกี่เท่าก็ตามไอ้ยงกุกบอก ไอ้หัวหน้าแก๊งยากูซ่าดูเหมือนจะไม่พอใจ มันคว้าแก้วเหล้าขึ้นกระดก ก่อนจะกระแทกลงกับโต๊ะอย่างแรง
พวกคุณนี้พูดไม่รู้เรื่อง คุณไม่รู้รึไงว่าถ้ามีแก๊งอื่นจากญี่ปุ่นซื้อสินค้าของคุณไปเช่นกัน สินค้ามันก็จะเหมือนกัน แล้วลูกค้าก็จะถูกแย้งไป จากนั้นพวกเราก็ต้องฆ่ากันเพื่อให้หมดศัตรูทางการค้า
เพล้ง! มึงนั้นแหละที่พูดไม่รู้เรื่อง กูบอกว่าไม่ก็ไม่ไง แล้วกูก็จะไม่ขายสินค้าให้มึงด้วย!”ในที่สุดไอ้ยงกุกก็ฟิวขาด มันขว้างแก้วเหล้าของไอ้หัวหน้าแก๊งนั้นทิ้งแตกกระจาย ลูกน้องของทั้งสองฝ่ายคว้าปืนขึ้นมาจ่อกันและกัน

[Kim Him Chan]

ผมนั่งตัวแข็งทื่อ ปืนหลายกระบอกกำลังจ่อมาที่ผมกับไอ้ยงกุก ผมได้แต่นึกด่าไอ้ยงกุกในใจ มึงจะใจเย็นหน่อยไม่ได้รึไงว่ะ ไอ้แก่นั้นก็พูดไม่รู้เรื่อง เอาแต่ใจทั้งคนขายคนซื้อ ผมดิที่ซวยฉิบต้องมานั่งอยู่ท่ามกลางสงครามของพวกมัน
ใจเย็นกันก่อนดีกว่านะ พวกมึงเอาปืนลงเป็นไอ้ดำที่ผมรู้สึกว่ามันจะชื่อแดฮยอนเอ่ยบอกก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง ลูกน้องของมันจึงค่อยๆลดปืนลง ร่วมถึงลูกน้องของฝ่ายตรงข้ามด้วย ผมจึงค่อยหายใจได้โล่งหน่อย คิดว่าจะตายซะแล้ว...
เรามาเริ่มคุยกันใหม่อีกรอบดีกว่า ฝ่ายเรามีนโยบายว่าจะไม่ผูกสินค้ากับใครทั้งสิน ซึ่งถ้าลูกค้าต้องการเราก็ขายให้ แต่เราจะขายให้คุณคนเดียวคงเป็นไปไม่ได้แน่นอนไอ้คนที่ชื่อแดฮยอนพูดอย่างใจเย็น น้ำเสียงราบเรียบทำการเจรจาอย่างมีเหตุมีผล จนไอ้หัวหน้าแก๊งนั้นดูสงบลงมากเลยทีเดียว
แล้วพวกคุณต้องการอะไรไอ้แก่หัวหน้าแก๊งยากูซ่าถาม แดฮยอนยกยิ้ม
พวกเราจะไม่ขายสินค้าให้คุณคนเดียว และไม่ต้องการเงินของคุณเพิ่มด้วย แต่ถ้าคุณกลัวว่าจะมีศัตรูทางการค้าแล้วคุณต้องการเก็บพวกมัน เราก็มีบริการส่งความตายให้ถึงที่น้ำเสียงราบเรียบแต่พูดสิ่งที่โหดร้ายออกมา ทำให้ผมถึงกับขนลุกซู่....
หึๆ งั้นก็ดีมากๆเลย เราตกลงจะทำธุรกิจกับพวกคุณไอ้หัวหน้าแก๊งนั้นยิ้มบอกก่อนจะลุกขึ้นยืน ไอ้แดฮยอนก็ลุกขึ้นยืนตาม ทั้งสองจับมือกันก่อนที่ไอ้หัวหน้าแก๊งยากูซ่าจะเดินออกไป บทจะง่ายก็ง่ายแหะ
ไอ้ยงกุกมึงเกือบทำเสียลูกค้าอีกแล้วนะเว้ยไอ้แดฮยอนหันมาว่าไอ้คนข้างๆผม ซึ่งผมก็เห็นด้วย ไอ้ยงกุกเก่งอยู่เรื่องเดียวนั้นแหละคือเรื่องใช้กำลังกับคนที่อ่อนแอกว่า ไอ้ยงกุกทำเป็นไม่สนใจ
เดี๋ยวกูออกไปส่งพวกมันก่อนหละกันไอ้เซโล่พูดขึ้นก่อนจะเดินออกไป ผมมองตามแผ่นหลังนั้น ตอนแรกผมตกใจมากที่เจอมันที่นี้ แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะมันก็เป็นเพื่อนไอ้ยงกุก แต่สิ่งที่ผมกลัวคือไอ้ยองแจ
ไอ้เซโล่มันกำลังจีบไอ้ยองแจอยู่ หรืออาจจะไปถึงไหนแล้วผมก็ไม่รู้เพราะถูกจับตัวมา ผมกลัวว่าไอ้ยองแจอาจจะต้องตกอยู่ในอันตรายเหมือนกับผม เพราะคนที่สามารถเป็นเพื่อนกับไอ้ยงกุกได้ก็คงไม่ใช่คนดีนักหรอก รวมถึงไอ้แดฮยอนนี้ก็ด้วย....
มองเชี่ยไรนักหนา....หรืออยากได้ไอ้เซโล่เป็นผัวอีกคนผมหันควับไปมองไอ้ยงกุก ที่ตอนนี้กำลังกระดกแก้วเหล้าเข้าปาก
แค่มึงคนเดียวกูก็สะอิดสะเอียนจะแย่แล้ว ขืนมีเพื่อนมึงอีกคนกูคงต้องเอาหัวลงไปจุ่มในชักโครกตายแล้วหละผมบอก มันเหยียดยิ้มที่มุมปาก
ขอให้เป็นอย่างที่มึงพูดหละกัน เพราะมึงเป็นของกูคนเดียว...มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมสะบัดหน้าหนีมัน ไม่อยากเห็นหน้ามันเลยจริงๆยิ่งเวลามันยิ้มยิ่งรู้สึกคลื่นไส้ เห้ย! หรือว่าผมจะท้อง แต่จะเป็นไปได้ไงก็ผมเป็นผู้ชายนิ ผมนี้ก็คิดอะไรเลอะเทอะจริงๆ เอาเป็นว่าผมจะหาทางหนีอีกครั้ง หนีไปให้พ้นหน้าไอ้ยงกุกซักที....


********

[Yoo Young Jae]

ณ โรงหนัง
วันนี้ผมมีนัดกับใครคนหนึ่ง ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูตอนนี้ผมสายมากแล้ว ผมวิ่งด้วยความเร็วก่อนจะพบกับใครคนหนึ่งที่ยืนถือช่อดอกไม้ยืนรอผมอยู่
แฮ่กๆ พี่...แจ...บอม... แฮ่กๆๆผมเรียกชื่อคนตรงหน้าพร้อมกับหอบหายใจจนตัวโยน พี่แจบอมรีบเข้ามาประคองผมเพราะกลัวผมจะเป็นลมไปซะก่อน
ยองแจ ทำไมต้องวิ่งมาหละครับพี่แจบอมถาม ผมเริ่มหอบหายใจช้าลง
ขอโทษครับที่มาสายผมบอก เพราะรู้สึกแย่ที่นัดครั้งแรกของผมกับเขาผมก็มาผิดเวลาซะแล้ว แต่พี่แจบอมกลับฉีกยิ้มกว้างให้
ขอแค่ยองแจมา จะให้พี่รอทั้งวันก็ได้ครับผมหน้าแดงนิดๆกับคำพูดของเขา พี่แจบอมส่งช่อดอกไม้ในมือมาให้
พี่ให้ครับสำหรับคนน่ารักอย่างยองแจผมยื่นมือออกไปรับด้วยอาการเขินๆ วันนี้เป็นเดทครั้งแรกของผมกับพี่แจบอม เรานัดกันมาดูหนังกัน
ไปกันเถอะครับ เดี๋ยวหนังจะเข้าซะก่อน...ผมรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะเดินนำหน้าไป แต่พี่แจบอมกลับคว้ามือผมไว้ก่อนจะกุมไว้แล้วออกเดินไปพร้อมกัน
…….
…………..
…………………
ผมกับพี่แจบอมดูหนังกันเสร็จก็มานั่งอยู่ในร้านอาหาร ผมเลือกที่จะนั่งในมุมลับตาคน อ๊ะๆอย่าเพิ่งนึกว่าผมกับพี่แจบอมจะทำอะไรกันหละ ผมแค่มีบางเรื่องอย่างจะคุยกับพี่แจบอมซักหน่อย พนักงานเสริฟจดรายการอาหารเสร็จก็เดินจากไป เหลือแค่ผมกับพี่แจบอมอยู่ที่โต๊ะ
พี่แจบอมครับผมเอ่ยเรียกคนตรงข้าม พี่แจบอมส่งยิ้มให้แทนการขานรับ
คือ....เรื่องเพื่อนของผม....
เรื่องของว่าที่ผู้นำตระกูลสายลมที่หายตัวไปนะหรอ...
ใช่ครับ พี่พบอะไรบางไหมว่าเพื่อนผมอยู่ที่ไหนแล้วถูกใครจับตัวไปรึเปล่าผมถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พี่แจบอมเองก็เปลี่ยนสีหน้าเช่นเดียวกัน
เรื่องนี้พี่ก็พบอะไรบางอย่างแล้วหละ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้รึเปล่า
พบอะไรครับ!”ผมเร่งถามด้วยความร้อนใจ พี่แจบอมยิ้มให้นิดๆเหมือนจะบอกให้ผมใจเย็น ผมก็ทำตามนั้นผมนิ่งรอฟังสิ่งที่อีกคนจะพูด
เมื่อก่อนตระกูลที่ยิ่งใหญ่มีทั้งหมดหกตระกูลใช่ไหม...พี่แจบอมถามผมพยักหน้าตอบ แต่ก็ต้องขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าเกี่ยวอะไร
ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือตระกูลไฟ แต่แล้วตระกูลไฟก็กลับถูกทำลายลง พี่พบว่าเรื่องนี้มันมีเบื้องลึกอะไรมากมาย โดยเฉพาะระหว่างตระกูลไฟกับตระกูลสายลม นี้อาจจะเป็นสาเหตุที่เพื่อนยองแจหายตัวไปก็ได้ แต่พี่ก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ผมคิดตามจนปวดหัว ทำไมเรื่องมันถึงได้ซับซ้อนขนาดนี้นะ
แล้วพี่ก็พบอีกอย่างว่า...ทายาทของตระกูลไฟยังมีชีวิตอยู่ผมเบิกตากว้างกับคำบอกเล่าประโยคนี้ ถ้างั้นก็มั่นใจได้แล้วว่าไอ้ฮิมชานจะต้องโดนไอ้ทายาทตระกูลไฟจับไปแน่ แต่ว่ามันคือใคร?
แล้วทายาทตระกูลไฟที่ยังมีชีวิตอยู่ พี่รู้รึเปล่าครับว่าคือใครผมถาม แต่พี่แจบอมส่ายหน้าให้ ผมถอนหายใจออกมา มือกำแน่นเป็นห่วงไอ้ฮิมชานเหลือเกิน แต่แล้วมือสากก็เลื่อนมาจับมือผมไว้ ผมเงยหน้ามองหน้าพี่แจบอมที่ส่งยิ้มมาให้
ไม่ต้องกังวลหรอกครับ พี่จะช่วยยองแจตามหาเพื่อนเองคำพูดและแววตาของพี่แจบอมทำให้ผมรู้สึกสบายใจ ผมส่งยิ้มตอบกลับไปให้
ขอบคุณครับ
“Rrrrrrrrrr”เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นครั้งแรกหลังจากที่ปิดเครื่องไปนาน เพราะกลัวมันจะดังตอนอยู่ในโรงหนัง ผมตาโตจ้องมองชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอ เซโล่ ซวยแล้วสิ ผมรีบหันซ้ายหันขวา มันไม่ได้ตามผมมาที่นี้ใช่ไหม
ยองแจเป็นอะไรรึเปล่าครับพี่แจบอมถาม
ป...เปล่าครับ เออ...ผมขอตัวแปปนะครับผมบอกก่อนจะรีบลุกขึ้นเดินตรงไปทางห้องน้ำ พี่แจบอมมองตามด้วยความงุนงง
ผมเดินเข้ามาในห้องน้ำ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงรีบปิดประตูก่อนจะกดรับโทรศัพท์
มึงอยู่ไหน!’ทันทีที่ผมกดรับ น้ำเสียงไม่พอใจก็ถูกส่งออกมาทันที จนผมต้องรีบยกโทรศัพท์ออกจากหู
กูก็อยู่บ้านกูนะสิผมโกหกออกไป
แล้วมึงปิดเครื่องทำไม มึงอยู่กับใครบอกกูมานะไอ้ยองแจ!”เอาแล้วสิ ผมรีบนึกหาคำตอบ
โทรศัพท์กูแบ็ตหมด กูเพิ่งชาร์ตเมื่อกี้ แล้วกูก็ไม่ได้อยู่กับใครด้วย แค่นี้นะผมรีบตัดบทสนทนาอย่างรวดเร็ว
เดี๋ยว...!”ผมชะงักมือที่จะกดวางสาย ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูอีกครั้งด้วยหัวใจที่เต้นรัว มันจะเอาอะไรจากผมอีกเนี้ย...
มีอะไรอีกว่ะผมถาม
ถ้าตอนนี้มึงอยู่บ้านจริง อีกหนึ่งชั่วโมงกูจะไปถึงที่นั้น แค่นี้แหละ ตู้ดๆๆ...พูดจบมันก็วางสายไป ปล่อยให้ผมยืนตัวแข็งทื่อ ซวยแล้วสิอีกหนึ่งชั่วโมงงั้นหรอ....!
…….
…………..
…………………
ผมนั่งกระวนกระวายอยู่ที่โต๊ะอาหาร จ้องมองนาฬิกาข้อมือที่ตอนนี้เหลืออีกประมาณห้าสิบนาทีที่ไอ้เซโล่จะมาถึงบ้านผม
อาหารที่สั่งได้แล้วค่ะพนักงานเสริฟบอกก่อนจะวางอาหารหน้าตาหน้ารับประทานลงตรงหน้าผมกับพี่แจบอม แต่ผมกลับไม่รู้สึกอยากทานซักนิด ผมยกนาฬิกาขึ้นดูอีกครั้ง และเหมือนพี่แจบอมจะสังเกตเห็น
ยองแจมีธุระที่อื่นหรอครับพี่แจบอมถาม
อ เออ... คือผม...ครับ ผมมีธุระนิดหน่อยผมยอมรับออกไป
งั้นยองแจจะกลับก่อนก็ได้ครับ พี่ไม่ว่าหรอกพี่แจบอมพูดแต่สีหน้ากลับขัดกับคำพูดโดยสิ้นเชิง พี่แจบอมทำสีหน้าซึมๆจนผมไม่กล้าที่จะตอบตกลง อยู่ต่ออีกซักพักคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง ไอ้เซโล่มันคงไม่ไปถึงตรงเวลานักหรอก....
กินข้าวเสร็จก่อนก็ได้ครับ แล้วผมค่อยไปผมบอก พี่แจบอมฉีกยิ้มกว้างดีใจอย่างเห็นได้ชัด ผมและเขาจึงเริ่มลงมือทานอาหารกัน
ผ่านไปไม่นานอาหารในจานผมก็หมดลงอย่างรวดเร็ว ผิดกลับจานของอีกคนที่ยังไม่ลดลงเลย ผมยกนาฬิกาขึ้นดูอีกครั้งเหลืออีกครึ่งชั่วโมง ผมเริ่มนั่งไม่สุข ถ้าไอ้เซโล่ไปถึงบ้านแล้วพบว่าผมไม่ได้อยู่บ้าน มันก็จะรู้ว่าผมโกหก
พี่แจบอมครับ ผมต้องไปแล้วนะครับผมบอกก่อนจะลุกขึ้น แต่ข้อมือก็ถูกอีกคนคว้าเอาไว้
ไหนยองแจบอกว่าจะทานให้เสร็จแล้วค่อยไปไง แต่พี่ยังทานไม่หมดเลยนะพี่แจบอมบอกหน้าเศร้า ผมเม้มริมฝีปากอย่างคิดหนักก่อนจะยอมนั่งลงตามเดิม
เวลาผ่านไปพี่แจบอมก็ยังทานไม่หมดซักที แถมไม่ได้สนใจจะทานอาหารในจานให้หมดด้วย ผมรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามยื้อตัวผมไว้ เหลืออีกยี่สิบนาทีผมไม่มีเวลาแล้ว....!
ขอโทษครับพี่แจบอมแต่ผมต้องไปแล้วจริงๆผมลุกขึ้นอีกครั้งแต่พี่แจบอมก็คว้ามือผมไว้อีก
ให้พี่ไปส่งนะครับ
ไม่เป็นไรครับผมเอารถมา...ผมปฏิเสธก่อนจะหุนหันออกไปจากร้านทันที ผมยกนาฬิกาขึ้นดูเหลืออีกสิบห้านาทีที่ผมต้องขับรถกลับบ้าน.....
ผมรีบขึ้นไปนั่งบนรถก่อนจะสตาร์ทเครื่องแล้วขับออกไปด้วยความรวดเร็ว
“Rrrrrrrrrr”ขับรถออกมาได้ไม่ทันไร เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นอีกครั้ง ผมรีบหยิบมันขึ้นมากดรับ
ฮัลโหล...ผมกรอกเสียงลงไป มืออีกข้างก็หักเลี้ยวพวกมาลัย สายตาจดจ่อไปที่เส้นทางข้างหน้า
กูใกล้จะถึงบ้านมึงแล้วนะเสียงไอ้เซโล่พูดตอบกลับมาผมเบิกตากว้าง
มึงไม่ต้องรีบก็ได้ ขับรถเร็วมันอันตรายนะ ค่อยๆขับมาช้าๆก็ได้กูไม่หนีไปไหนหรอกถึงผมจะบอกมันอย่างนั้นแต่ตัวผมเองกลับกำลังเหยียบคันเร่งมิด ผมขับรถแซงซ้ายแซงขวา ปาดหน้าคันนู้นทีคันนี้ทีจนป่านนี้เขาคงด่าไปถึงบรรพบุรุษผมกันครบทุกคนแล้ว
แต่กูอยากเจอมึงเร็วๆนิ ตอนนี้กูกำลังรีบไป แค่นี้แหละ ตู้ดๆๆพูดจบมันก็ตัดสายไป
จะมาอยากเจอกูอะไรตอนนี้เนี้ย...ผมว่าก่อนจะโยนโทรศัพท์ไปที่เบาะข้างๆ แล้วมุ่งมั่นขับรถไปให้ถึงบ้านโดยเร็วก่อนไอ้เซโล่...
…….
…………..
…………………
 “เอี๊ยดดดดด....เสียงล่อรถบดกับพื้น ผมมาถึงบ้านแล้ว ผมขับรถเข้าไปจอดอย่างรวดเร็ว พอเดินลงมาจากรถก็พบว่ารถของไอ้เซโล่เลี้ยวเข้าบ้านมาพอดี... ผมพ่นลมหายใจยาวออกมาก่อนจะยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าออก
ทันพอดีผมพูดอย่างโล่งอก ไอ้เซโล่เดินลงมาจากรถ ผมฉีกยิ้มกว้างให้มัน
ทำไมมึงมายืนอยู่ตรงนี้หละ ไม่ได้อยู่ในบ้านหรอไอ้เซโล่ถาม ผมกลอกตาไปมานึกหาคำตอบ ก็เมื่อกี้ผมเพิ่งจะมาถึงเองนิ
อ่อ กูก็ออกมารับมึงไง ก็มึงโทรมาบอกว่าจะถึงแล้วผมโกหกออกไป สายตามองไปที่อื่นไม่กล้าสบตาไอ้เซโล่ กลัวว่ามันจะจับพิรุธผมได้
แต่จู่ๆไอ้เซโล่ก็นิ่งเงียบไป มันเดินเข้ามาใกล้ผมยิ่งขึ้น มันเอื้อมมือมาจับต้นแขนผมเอาไว้ ก่อนจะเชยคางผมให้เงยหน้าสบตากับมัน แววตาของมันนิ่งเรียบ หัวใจของผมเต้นรัวเร็ว นี่มันจับได้แล้วใช่ไหมว่าผมโกหก!
น่ารักที่สุดเลยเมียกู....มันพูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด ผมนิ่งอึ้งกับการกระทำของมันที่ไม่คาดคิด
ผมคิดว่าตัวเองโดนมันจับได้แล้วซะอีก ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก รู้สึกเหมือนอายุสั้นลงอีกสิบปี ผมดันไอ้เซโล่ออกก่อนจะฉีกยิ้มให้มัน
มึงเพิ่งมาเหนื่อยๆไปทานของว่างในบ้านกูก่อนสิผมเอ่ยชวนมัน
ได้แต่มึงต้องป้อนกูนะมันบอกก่อนที่ผมกับมันจะเดินเข้าบ้านไป และไม่ทันที่ผมจะได้สังเกต ไอ้เซโล่มันหันกลับไปมองที่ด้านหลัง ที่ที่มีรถของผมจอดอยู่!

**********



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น