[Kim Him Chan]
ผมตื่นขึ้นมาพร้อมดวงตาที่บวมช้ำจากการนอนร้องไห้ทั้งคืน
ข้อมือที่โดนกุญแจมือบาดถูกทำแผลแล้วเรียบร้อย
ผมลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างเอื่อยๆ
รู้สึกเหมือนชีวิตนี้ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไรอีกแล้ว เพราะอีกไม่นานผมก็คงถูกไอ้ยงกุกยิงทิ้ง....
“แกร๊ก....”เสียงประตูเปิดออกโดยไม่ต้องขออนุญาตเข้ามา
ผมไม่ได้หันไปมองว่าเป็นใครที่เดินเข้ามา ผมยืนแต่งตัวอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าเสียงฝีเท้าเดินตรงเข้ามาหาผม
ภาพที่สะท้อนบนกระจกคือผมที่กำลังติดกระดุมเสื้ออยู่กับไอ้ยงกุกที่ยืนซ้อนด้านหลัง
มันจ้องมองผมผ่านทางกระจกโดยไม่ได้เอื้อนเอ่ยใดๆออกมา
มือผมที่กำลังติดกระดุมเสื้อถูกจับไว้
มือสากของมันอีกข้างลูบไล้เข้ามาใต้เสื้อ ไอ้ยงกุกค่อยๆก้มลงกดจูบที่ซอกคอผมเบาๆ
ผมหลับตาพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วหันไปผลักตัวมันออก
“อย่ามายุ่งกับกู!
อยากมากก็ไปเอาลูกน้องมึงสิ”ผมตะคอก
ไอ้ยงกุกจ้องหน้าผมอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ มันพุ่งเข้ามาบีบค้างผมแน่น
“ทำไมกูจะยุ่งกับมึงไม่ได้
ในเมื่อมึงเป็นเมียกูแล้ว แล้วอีกอย่างลูกน้องกูคงจะสู้มึงไม่ได้หรอก
พยศอย่างเนี้ยเร้าอารมณ์กูดี”พูดจบมันก็กระชากผมไปที่เตียง
มันกดผมลงก่อนจะขึ้นคร่อม ผมพยายามขัดขืนมัน
“ก๊อกๆๆ”เสียงเคาะประตูดังขึ้นช่วยผมไว้ เป็นจีโอเองที่เดินเข้ามา
เขามองผมนิดนึงก่อนจะเบือนหน้าหนีทำเป็นไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
ซึ่งผมเองก็รู้สึกขอบคุณ ที่เขาไม่ได้มองผมด้วยความสมเพศหรือเหยียดหยาม
“มีอะไร...”ไอ้ยงกุกลุกออกจากตัวผม มันเอ่ยถามแต่สายตายังมองผมอยู่
“ได้เวลานัดคุยเรื่องสินค้ากับแก๊งยากูซ่าที่มาจากญี่ปุ่นแล้วครับ”จีโอบอก มันยกยิ้มซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันยิ้มอะไร มันเดินเข้ามาจับคางผม
ผมสะบัดมือมันออก
“แก๊งยากูซ่างั้นหรอ...
กูจะไปเดี๋ยวนี้แหละ แต่กูจะเอาไอ้เหี้ยนี้ไปด้วย”ผมและจีโอเบิกตากว้าง
นี้มันจะพาผมไปด้วยงั้นหรอ.....
********
[Jung Dae Hyun]
“จงออบอย่าลืมกินข้าวนะครับพี่เป็นห่วง...”
‘ไม่ต้องห่วงหรอกครับ
พี่แดฮยอนตั้งใจทำงานนะครับ’
“อือ...
พี่ถึงที่ทำงานแล้วหละ งั้นแค่นี้ก่อนนะ พี่รักจงออบนะ”
‘ผมก็รักพี่แดฮยอนครับ
จุ๊ฟ...’
ผมยิ้มแก้มปริก่อนที่สายจะถูกตัดไป
วันนี้ผมมีนัดกับไอ้ยงกุกแล้วก็ไอ้เซโล่ ไปคุยเจรจาเรื่องสินค้า ก็พวกยาเสพติดนั้นแหละกับแก๊งยากูซ่าญี่ปุ่น
ซึ่งถ้าการเจรจาไปได้ดีก็คงได้ร่วมทำธุรกิจกัน
แต่ถ้าไม่งานนี้ก็คงต้องมีนองเลือดกันบ้าง เพราะกฎของธุรกิจมืดคือ
ถ้าไม่เป็นมิตรก็คือศัตรู.....
ผมเลี้ยวรถเข้ามาที่หน้าโกดังร้างก่อนจะดับเครื่องยนต์
กระจกมองหลังถูกดึงมาส่อง แววตาอ่อนโยนแปลเปลี่ยนไปกลายเป็นนิ่งเรียบ
ผมหยิบปืนขึ้นมาเหน็บไว้ด้านหลัง ทุกอย่างต้องเตรียมพร้อมเสมอ ก่อนจะก้าวเดินลงจากรถ
ข้างในโกดังไม่ได้ร้างอย่างข้างนอกที่เห็น
มันถูกตั้งไว้หลอกตาพวกเจ้าหน้าที่ตำรวจเฉยๆ
จริงๆแล้วข้างในนั้นเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่เลยทีเดียว
ผู้คนมากมายกำลังทำการแข่งขันแข่งกันล่มจม
เพราะการพนันนั้นไม่เคยทำให้ใครรวยขึ้นมาได้หรอก
ผมกวาดตาไปรอบๆก็พบกับไอ้หัวหยอยๆกำลังนั่งดื่มอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์คนเดียว
ไอ้เซโล่มันกำลังยกแก้วเหล้าขึ้นกระดก หน้าตาซึมเศร้าเหมือนกับคนอกหักก็ไม่ปาน
พอกระดกเหล้าหมดแก้วมันก็ขว้างแก้วทิ้งอย่างไม่ใยดี
“เพล้ง!”เสียงแก้วแตก บรรดานักพนันและพนักงานชงเหล้ารวมถึงชายในชุดสูทสีดำอีกหลายคนหันมามองที่มัน
แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็จะว่าอะไรได้ไงในเมื่อมันเป็นเจ้าของที่นี้
ผมเดินเข้าไปหามัน
“แดกแต่หัววันเลย
ถูกเมียทิ้งหรอว่ะ”มันหันควับมามองผม สายตาบ่งบอกว่าไม่ขำ
ผมถึงกับนิ่งอึ้งนี้ผมพูดอะไรแทงใจมันหรอ แต่แล้วหน้านิ่งๆของมันกับค่อยๆเริ่มเบะปากออกมา
แล้วก็.....
“ฮือ....ยองแจทิ้งกู
กูไม่ได้ตั้งใจ กู@$%#&*@^อ่า....”บอกตรงๆว่าผมฟังมันไม่รูเรื่อง....
“มึงหยุดร้องแล้วค่อยๆพูดได้ป่ะว่ะ
แล้วนี้มึงเป็นถึงหัวหน้าตระกูลเสือกมานั่งร้องไห้เนี้ยนะ ลูกน้องจะเลิกนับถือมึงดีไหมเนี้ย”ผมพูด
“ฮึก กูบอกว่า ฮึก
ยองแจทิ้งกู ฮึก กูไม่ได้ตั้งใจ ฮึกๆ กูแค่หึงมันอ่า...”ผมพอจะเริ่มจับใจความได้
แต่มันก็ยังสะอึกสะอื้นจนเกือบฟังไม่รู้เรื่อง
“อ่อ....
ก็สมควรแล้วนิ”
“เชี่ย...!”ทีนี้เสือกพูดซะชัดเลยนะมึง
มันหยุดร้องไห้แต่จริงๆก็ไม่ได้ร้องหรอกแค่แกล้งเล่นเฉยๆ
ผมเองก็เข้าใจว่าไอ้เซโล่มันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น
แต่มันก็คงเศร้าเรื่องยองแจถึงได้มานั่งดื่มอยู่แบบนี้
“แล้วไอ้พวกแก๊งยากูซ่าหละ
มันมายังว่ะ”ผมเอ่ยถาม ก่อนจะคว้าแก้วเหล้าที่เด็กชงเหล้าเอามาให้ขึ้นกระดก
“มาแล้ว...กูให้รออยู่ข้างใน
ตอนนี้ก็เหลือแค่รอไอ้ยงกุก มาเมื่อไหร่ค่อยเข้าไปเจอพวกมันพร้อมกัน”ผมพยักหน้ารับ
“นั้นไงพูดปุ๊บก็มาปั๊บเลย”ผมชี้มือไปที่ทางเดินเข้ามา ไอ้ยงกุกกับลูกน้องกำลังเดินเข้ามา
ผมกับไอ้เซโล่ทำหน้าประหลาดใจ ไม่ใช่ไอ้ยงกุกที่หน้าประหลาดใจ แต่ที่หน้าประหลาดใจเห็นจะเป็นคนที่เดินเคียงข้างมากับมัน....
“เห้ย! นั้นมัน...”ผมกับไอ้เซโล่จ้องมองอย่างอึ้งๆ
“ไงพวกมึง ไอ้พวกนั้นอยู่ไหนหละ
จะได้จัดการให้เรียบร้อย”ไอ้ยงกุกเดินเข้ามาก่อนจะเอ่ยถาม
“พวกกูกำลังรอมึงอยู่อ่ะ
พวกมันอยู่ข้างในแล้ว”ไอ้เซโล่ตอบแบบยังอึ้งๆอยู่
ตายังจับจ้องคนที่ยืนข้างกายไอ้ยงกุก
“หึ
งั้นก็เข้าไปกันเลย...”ไอ้ยงกุกบอกก่อนจะเดินนำพวกผมไป
พร้อมกับร่างที่เดินเคียงข้างกับมัน
ทุกคนกำลังสงสัยใช่ไหมว่าผมกับไอ้เซโล่อึ้งอะไรกัน
พอไอ้ยงกุกเปิดประตูเข้าไป
ไอ้พวกแก๊งยากูซ่าที่ทำหน้าโหดก็ต้องอ้าปากค้าง พวกมันจ้องมองร่างที่เดินเข้ามาพร้อมไอ้ยงกุก
ใบหน้าขาวจมูกโด่งรั้น ริมฝีปากแดงเรื่อ และแววตาที่ดูพยศ แต่ช่างดูมีเสน่ห์ดึงดูดใจ
และยิ่งแต่งกายด้วยชุดเฟอร์สีดำก็ยิ่งทำให้ดูเซ็กซี่ ไอ้ยงกุกเหยียดยิ้มมันโอบเอวคนข้างๆ
ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาตรงข้ามกับไอ้หัวหน้าแก๊งยากูซ่า
คนที่ไอ้ยงกุกพามาด้วยนั้นก็คือคิม
ฮิมชาน ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่า แต่รู้สึกว่าพอทั้งคู่อยู่ด้วยกันแล้ว
ยิ่งเวลายืนเคียงข้างกันยิ่งดูมีอำนาจมากขึ้น ไอ้ยงกุกเหมือนหัวหน้ามาเฟีย
ส่วนฮิมชานก็เป็นคนรักของมาเฟีย ทั้งสองช่างดูเหมาะสมกันอย่างบอกไม่ถูก
ผมกับไอ้เซโล่เดินตามเข้าไปข้างใน
แล้วนั่งลงข้างๆไอ้ยงกุก
ไอ้หัวหน้าแก๊งยากูซ่ายังคงจ้องมองร่างข้างๆไอ้ยงกุกอย่างไม่ว่างตา
หึ...หลงเสน่คิมฮิมชานแล้วหละสิ
“งั้นเรามาเริ่มเจรจากันเลยดีกว่า”ไอ้ยงกุกบอก เรียกสติของไอ้หัวหน้าแก๊งให้กลับคืนมา
“ฉันต้องการให้พวกนายผูกขาดสิ้นค้ากับฉันเพียงคนเดียวห้ามขายให้แก๊งไหนที่ญี่ปุ่นเด็ดขาด”ไอ้หัวหน้าแก๊งเปิดประเด็ดทันที มันเปลี่ยนสีหน้ามาตึงเครียดอย่างเดิม
ผมและไอ้เซโล่หันมามองหน้ากัน
“คงไม่ได้หรอก
ถ้าทำแบบนั้นธุรกิจของพวกเราก็ย่ำแย่พอดี อย่าเห็นแก่ตัวนักสิ”ไอ้ยงกุกพูด คำพูดของมันช่างตรงซะเหลือเกิน
“แต่ทางเราจะจ่ายเงินให้เป็นสองเท่าทุกครั้ง
ว่าไง...สนใจข้อเสนอนี้ไหม”ไอ้หัวหน้าแก๊งยากูซ่ายกยิ้มพูด
“แล้วทำไมต้องเป็นสินค้าของเราด้วย”เป็นผมเองที่ถาม
“เพราะสินค้าของพวกคุณได้คุณภาพ
แถมไม่ค่อยมีตำรวจกล้ามายุ่มย่ามด้วย”หึ...ผมว่าเรื่องตำรวจมันเข้าใจผิดแล้วหละ
ที่พวกมันไม่เข้ามายุ่มย่ามนั้นแสดงว่าพวกมันเข้ามายุ่มย่ามแล้วตายห่าไปแล้วต่างหาก
“ไม่หละ
พวกเราไม่คิดจะผูกขาดกับใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเพิ่มเงินให้อีกกี่เท่าก็ตาม”ไอ้ยงกุกบอก ไอ้หัวหน้าแก๊งยากูซ่าดูเหมือนจะไม่พอใจ มันคว้าแก้วเหล้าขึ้นกระดก
ก่อนจะกระแทกลงกับโต๊ะอย่างแรง
“พวกคุณนี้พูดไม่รู้เรื่อง
คุณไม่รู้รึไงว่าถ้ามีแก๊งอื่นจากญี่ปุ่นซื้อสินค้าของคุณไปเช่นกัน สินค้ามันก็จะเหมือนกัน
แล้วลูกค้าก็จะถูกแย้งไป จากนั้นพวกเราก็ต้องฆ่ากันเพื่อให้หมดศัตรูทางการค้า”
“เพล้ง! มึงนั้นแหละที่พูดไม่รู้เรื่อง กูบอกว่าไม่ก็ไม่ไง
แล้วกูก็จะไม่ขายสินค้าให้มึงด้วย!”ในที่สุดไอ้ยงกุกก็ฟิวขาด
มันขว้างแก้วเหล้าของไอ้หัวหน้าแก๊งนั้นทิ้งแตกกระจาย
ลูกน้องของทั้งสองฝ่ายคว้าปืนขึ้นมาจ่อกันและกัน
[Kim Him Chan]
ผมนั่งตัวแข็งทื่อ
ปืนหลายกระบอกกำลังจ่อมาที่ผมกับไอ้ยงกุก ผมได้แต่นึกด่าไอ้ยงกุกในใจ
มึงจะใจเย็นหน่อยไม่ได้รึไงว่ะ ไอ้แก่นั้นก็พูดไม่รู้เรื่อง
เอาแต่ใจทั้งคนขายคนซื้อ ผมดิที่ซวยฉิบต้องมานั่งอยู่ท่ามกลางสงครามของพวกมัน
“ใจเย็นกันก่อนดีกว่านะ
พวกมึงเอาปืนลง”เป็นไอ้ดำที่ผมรู้สึกว่ามันจะชื่อแดฮยอนเอ่ยบอกก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง
ลูกน้องของมันจึงค่อยๆลดปืนลง ร่วมถึงลูกน้องของฝ่ายตรงข้ามด้วย
ผมจึงค่อยหายใจได้โล่งหน่อย คิดว่าจะตายซะแล้ว...
“เรามาเริ่มคุยกันใหม่อีกรอบดีกว่า
ฝ่ายเรามีนโยบายว่าจะไม่ผูกสินค้ากับใครทั้งสิน ซึ่งถ้าลูกค้าต้องการเราก็ขายให้
แต่เราจะขายให้คุณคนเดียวคงเป็นไปไม่ได้แน่นอน”ไอ้คนที่ชื่อแดฮยอนพูดอย่างใจเย็น
น้ำเสียงราบเรียบทำการเจรจาอย่างมีเหตุมีผล
จนไอ้หัวหน้าแก๊งนั้นดูสงบลงมากเลยทีเดียว
“แล้วพวกคุณต้องการอะไร”ไอ้แก่หัวหน้าแก๊งยากูซ่าถาม แดฮยอนยกยิ้ม
“พวกเราจะไม่ขายสินค้าให้คุณคนเดียว
และไม่ต้องการเงินของคุณเพิ่มด้วย แต่ถ้าคุณกลัวว่าจะมีศัตรูทางการค้าแล้วคุณต้องการเก็บพวกมัน
เราก็มีบริการส่งความตายให้ถึงที่”น้ำเสียงราบเรียบแต่พูดสิ่งที่โหดร้ายออกมา
ทำให้ผมถึงกับขนลุกซู่....
“หึๆ งั้นก็ดีมากๆเลย
เราตกลงจะทำธุรกิจกับพวกคุณ”ไอ้หัวหน้าแก๊งนั้นยิ้มบอกก่อนจะลุกขึ้นยืน
ไอ้แดฮยอนก็ลุกขึ้นยืนตาม
ทั้งสองจับมือกันก่อนที่ไอ้หัวหน้าแก๊งยากูซ่าจะเดินออกไป บทจะง่ายก็ง่ายแหะ
“ไอ้ยงกุกมึงเกือบทำเสียลูกค้าอีกแล้วนะเว้ย”ไอ้แดฮยอนหันมาว่าไอ้คนข้างๆผม ซึ่งผมก็เห็นด้วย ไอ้ยงกุกเก่งอยู่เรื่องเดียวนั้นแหละคือเรื่องใช้กำลังกับคนที่อ่อนแอกว่า
ไอ้ยงกุกทำเป็นไม่สนใจ
“เดี๋ยวกูออกไปส่งพวกมันก่อนหละกัน”ไอ้เซโล่พูดขึ้นก่อนจะเดินออกไป ผมมองตามแผ่นหลังนั้น
ตอนแรกผมตกใจมากที่เจอมันที่นี้ แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะมันก็เป็นเพื่อนไอ้ยงกุก
แต่สิ่งที่ผมกลัวคือไอ้ยองแจ
ไอ้เซโล่มันกำลังจีบไอ้ยองแจอยู่
หรืออาจจะไปถึงไหนแล้วผมก็ไม่รู้เพราะถูกจับตัวมา ผมกลัวว่าไอ้ยองแจอาจจะต้องตกอยู่ในอันตรายเหมือนกับผม
เพราะคนที่สามารถเป็นเพื่อนกับไอ้ยงกุกได้ก็คงไม่ใช่คนดีนักหรอก
รวมถึงไอ้แดฮยอนนี้ก็ด้วย....
“มองเชี่ยไรนักหนา....หรืออยากได้ไอ้เซโล่เป็นผัวอีกคน”ผมหันควับไปมองไอ้ยงกุก ที่ตอนนี้กำลังกระดกแก้วเหล้าเข้าปาก
“แค่มึงคนเดียวกูก็สะอิดสะเอียนจะแย่แล้ว
ขืนมีเพื่อนมึงอีกคนกูคงต้องเอาหัวลงไปจุ่มในชักโครกตายแล้วหละ”ผมบอก มันเหยียดยิ้มที่มุมปาก
“ขอให้เป็นอย่างที่มึงพูดหละกัน
เพราะมึงเป็นของกูคนเดียว...”มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมสะบัดหน้าหนีมัน
ไม่อยากเห็นหน้ามันเลยจริงๆยิ่งเวลามันยิ้มยิ่งรู้สึกคลื่นไส้ เห้ย! หรือว่าผมจะท้อง แต่จะเป็นไปได้ไงก็ผมเป็นผู้ชายนิ ผมนี้ก็คิดอะไรเลอะเทอะจริงๆ
เอาเป็นว่าผมจะหาทางหนีอีกครั้ง หนีไปให้พ้นหน้าไอ้ยงกุกซักที....
********
[Yoo Young Jae]
ณ
โรงหนัง
วันนี้ผมมีนัดกับใครคนหนึ่ง
ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูตอนนี้ผมสายมากแล้ว
ผมวิ่งด้วยความเร็วก่อนจะพบกับใครคนหนึ่งที่ยืนถือช่อดอกไม้ยืนรอผมอยู่
“แฮ่กๆ พี่...แจ...บอม...
แฮ่กๆๆ”ผมเรียกชื่อคนตรงหน้าพร้อมกับหอบหายใจจนตัวโยน
พี่แจบอมรีบเข้ามาประคองผมเพราะกลัวผมจะเป็นลมไปซะก่อน
“ยองแจ ทำไมต้องวิ่งมาหละครับ”พี่แจบอมถาม ผมเริ่มหอบหายใจช้าลง
“ขอโทษครับที่มาสาย”ผมบอก เพราะรู้สึกแย่ที่นัดครั้งแรกของผมกับเขาผมก็มาผิดเวลาซะแล้ว
แต่พี่แจบอมกลับฉีกยิ้มกว้างให้
“ขอแค่ยองแจมา
จะให้พี่รอทั้งวันก็ได้ครับ”ผมหน้าแดงนิดๆกับคำพูดของเขา
พี่แจบอมส่งช่อดอกไม้ในมือมาให้
“พี่ให้ครับสำหรับคนน่ารักอย่างยองแจ”ผมยื่นมือออกไปรับด้วยอาการเขินๆ วันนี้เป็นเดทครั้งแรกของผมกับพี่แจบอม
เรานัดกันมาดูหนังกัน
“ไปกันเถอะครับ เดี๋ยวหนังจะเข้าซะก่อน...”ผมรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะเดินนำหน้าไป แต่พี่แจบอมกลับคว้ามือผมไว้ก่อนจะกุมไว้แล้วออกเดินไปพร้อมกัน
…….
…………..
…………………
ผมกับพี่แจบอมดูหนังกันเสร็จก็มานั่งอยู่ในร้านอาหาร
ผมเลือกที่จะนั่งในมุมลับตาคน อ๊ะๆอย่าเพิ่งนึกว่าผมกับพี่แจบอมจะทำอะไรกันหละ
ผมแค่มีบางเรื่องอย่างจะคุยกับพี่แจบอมซักหน่อย
พนักงานเสริฟจดรายการอาหารเสร็จก็เดินจากไป เหลือแค่ผมกับพี่แจบอมอยู่ที่โต๊ะ
“พี่แจบอมครับ”ผมเอ่ยเรียกคนตรงข้าม พี่แจบอมส่งยิ้มให้แทนการขานรับ
“คือ....เรื่องเพื่อนของผม....”
“เรื่องของว่าที่ผู้นำตระกูลสายลมที่หายตัวไปนะหรอ...”
“ใช่ครับ
พี่พบอะไรบางไหมว่าเพื่อนผมอยู่ที่ไหนแล้วถูกใครจับตัวไปรึเปล่า”ผมถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พี่แจบอมเองก็เปลี่ยนสีหน้าเช่นเดียวกัน
“เรื่องนี้พี่ก็พบอะไรบางอย่างแล้วหละ
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้รึเปล่า”
“พบอะไรครับ!”ผมเร่งถามด้วยความร้อนใจ พี่แจบอมยิ้มให้นิดๆเหมือนจะบอกให้ผมใจเย็น
ผมก็ทำตามนั้นผมนิ่งรอฟังสิ่งที่อีกคนจะพูด
“เมื่อก่อนตระกูลที่ยิ่งใหญ่มีทั้งหมดหกตระกูลใช่ไหม...”พี่แจบอมถามผมพยักหน้าตอบ แต่ก็ต้องขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าเกี่ยวอะไร
“ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือตระกูลไฟ
แต่แล้วตระกูลไฟก็กลับถูกทำลายลง พี่พบว่าเรื่องนี้มันมีเบื้องลึกอะไรมากมาย
โดยเฉพาะระหว่างตระกูลไฟกับตระกูลสายลม นี้อาจจะเป็นสาเหตุที่เพื่อนยองแจหายตัวไปก็ได้
แต่พี่ก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่”ผมคิดตามจนปวดหัว ทำไมเรื่องมันถึงได้ซับซ้อนขนาดนี้นะ
“แล้วพี่ก็พบอีกอย่างว่า...ทายาทของตระกูลไฟยังมีชีวิตอยู่”ผมเบิกตากว้างกับคำบอกเล่าประโยคนี้
ถ้างั้นก็มั่นใจได้แล้วว่าไอ้ฮิมชานจะต้องโดนไอ้ทายาทตระกูลไฟจับไปแน่
แต่ว่ามันคือใคร?
“แล้วทายาทตระกูลไฟที่ยังมีชีวิตอยู่
พี่รู้รึเปล่าครับว่าคือใคร”ผมถาม แต่พี่แจบอมส่ายหน้าให้
ผมถอนหายใจออกมา มือกำแน่นเป็นห่วงไอ้ฮิมชานเหลือเกิน แต่แล้วมือสากก็เลื่อนมาจับมือผมไว้
ผมเงยหน้ามองหน้าพี่แจบอมที่ส่งยิ้มมาให้
“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ
พี่จะช่วยยองแจตามหาเพื่อนเอง”คำพูดและแววตาของพี่แจบอมทำให้ผมรู้สึกสบายใจ
ผมส่งยิ้มตอบกลับไปให้
“ขอบคุณครับ”
“Rrrrrrrrrr”เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นครั้งแรกหลังจากที่ปิดเครื่องไปนาน
เพราะกลัวมันจะดังตอนอยู่ในโรงหนัง ผมตาโตจ้องมองชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอ ‘เซโล่’ ซวยแล้วสิ ผมรีบหันซ้ายหันขวา
มันไม่ได้ตามผมมาที่นี้ใช่ไหม
“ยองแจเป็นอะไรรึเปล่าครับ”พี่แจบอมถาม
“ป...เปล่าครับ
เออ...ผมขอตัวแปปนะครับ”ผมบอกก่อนจะรีบลุกขึ้นเดินตรงไปทางห้องน้ำ
พี่แจบอมมองตามด้วยความงุนงง
ผมเดินเข้ามาในห้องน้ำ
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงรีบปิดประตูก่อนจะกดรับโทรศัพท์
‘มึงอยู่ไหน!’ทันทีที่ผมกดรับ น้ำเสียงไม่พอใจก็ถูกส่งออกมาทันที
จนผมต้องรีบยกโทรศัพท์ออกจากหู
“กูก็อยู่บ้านกูนะสิ”ผมโกหกออกไป
“แล้วมึงปิดเครื่องทำไม
มึงอยู่กับใครบอกกูมานะไอ้ยองแจ!”เอาแล้วสิ ผมรีบนึกหาคำตอบ
“โทรศัพท์กูแบ็ตหมด กูเพิ่งชาร์ตเมื่อกี้
แล้วกูก็ไม่ได้อยู่กับใครด้วย แค่นี้นะ”ผมรีบตัดบทสนทนาอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยว...!”ผมชะงักมือที่จะกดวางสาย ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูอีกครั้งด้วยหัวใจที่เต้นรัว
มันจะเอาอะไรจากผมอีกเนี้ย...
“มีอะไรอีกว่ะ”ผมถาม
“ถ้าตอนนี้มึงอยู่บ้านจริง
อีกหนึ่งชั่วโมงกูจะไปถึงที่นั้น แค่นี้แหละ ตู้ดๆๆ...”พูดจบมันก็วางสายไป
ปล่อยให้ผมยืนตัวแข็งทื่อ ซวยแล้วสิอีกหนึ่งชั่วโมงงั้นหรอ....!
…….
…………..
…………………
ผมนั่งกระวนกระวายอยู่ที่โต๊ะอาหาร
จ้องมองนาฬิกาข้อมือที่ตอนนี้เหลืออีกประมาณห้าสิบนาทีที่ไอ้เซโล่จะมาถึงบ้านผม
“อาหารที่สั่งได้แล้วค่ะ”พนักงานเสริฟบอกก่อนจะวางอาหารหน้าตาหน้ารับประทานลงตรงหน้าผมกับพี่แจบอม
แต่ผมกลับไม่รู้สึกอยากทานซักนิด ผมยกนาฬิกาขึ้นดูอีกครั้ง
และเหมือนพี่แจบอมจะสังเกตเห็น
“ยองแจมีธุระที่อื่นหรอครับ”พี่แจบอมถาม
“อ เออ...
คือผม...ครับ ผมมีธุระนิดหน่อย”ผมยอมรับออกไป
“งั้นยองแจจะกลับก่อนก็ได้ครับ
พี่ไม่ว่าหรอก”พี่แจบอมพูดแต่สีหน้ากลับขัดกับคำพูดโดยสิ้นเชิง
พี่แจบอมทำสีหน้าซึมๆจนผมไม่กล้าที่จะตอบตกลง อยู่ต่ออีกซักพักคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง
ไอ้เซโล่มันคงไม่ไปถึงตรงเวลานักหรอก....
“กินข้าวเสร็จก่อนก็ได้ครับ
แล้วผมค่อยไป”ผมบอก พี่แจบอมฉีกยิ้มกว้างดีใจอย่างเห็นได้ชัด
ผมและเขาจึงเริ่มลงมือทานอาหารกัน
ผ่านไปไม่นานอาหารในจานผมก็หมดลงอย่างรวดเร็ว
ผิดกลับจานของอีกคนที่ยังไม่ลดลงเลย ผมยกนาฬิกาขึ้นดูอีกครั้งเหลืออีกครึ่งชั่วโมง
ผมเริ่มนั่งไม่สุข ถ้าไอ้เซโล่ไปถึงบ้านแล้วพบว่าผมไม่ได้อยู่บ้าน
มันก็จะรู้ว่าผมโกหก
“พี่แจบอมครับ ผมต้องไปแล้วนะครับ”ผมบอกก่อนจะลุกขึ้น แต่ข้อมือก็ถูกอีกคนคว้าเอาไว้
“ไหนยองแจบอกว่าจะทานให้เสร็จแล้วค่อยไปไง
แต่พี่ยังทานไม่หมดเลยนะ”พี่แจบอมบอกหน้าเศร้า
ผมเม้มริมฝีปากอย่างคิดหนักก่อนจะยอมนั่งลงตามเดิม
เวลาผ่านไปพี่แจบอมก็ยังทานไม่หมดซักที
แถมไม่ได้สนใจจะทานอาหารในจานให้หมดด้วย ผมรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามยื้อตัวผมไว้
เหลืออีกยี่สิบนาทีผมไม่มีเวลาแล้ว....!
“ขอโทษครับพี่แจบอมแต่ผมต้องไปแล้วจริงๆ”ผมลุกขึ้นอีกครั้งแต่พี่แจบอมก็คว้ามือผมไว้อีก
“ให้พี่ไปส่งนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับผมเอารถมา...”ผมปฏิเสธก่อนจะหุนหันออกไปจากร้านทันที
ผมยกนาฬิกาขึ้นดูเหลืออีกสิบห้านาทีที่ผมต้องขับรถกลับบ้าน.....
ผมรีบขึ้นไปนั่งบนรถก่อนจะสตาร์ทเครื่องแล้วขับออกไปด้วยความรวดเร็ว
“Rrrrrrrrrr”ขับรถออกมาได้ไม่ทันไร
เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นอีกครั้ง ผมรีบหยิบมันขึ้นมากดรับ
“ฮัลโหล...”ผมกรอกเสียงลงไป มืออีกข้างก็หักเลี้ยวพวกมาลัย
สายตาจดจ่อไปที่เส้นทางข้างหน้า
‘กูใกล้จะถึงบ้านมึงแล้วนะ’เสียงไอ้เซโล่พูดตอบกลับมาผมเบิกตากว้าง
“มึงไม่ต้องรีบก็ได้
ขับรถเร็วมันอันตรายนะ ค่อยๆขับมาช้าๆก็ได้กูไม่หนีไปไหนหรอก”ถึงผมจะบอกมันอย่างนั้นแต่ตัวผมเองกลับกำลังเหยียบคันเร่งมิด
ผมขับรถแซงซ้ายแซงขวา
ปาดหน้าคันนู้นทีคันนี้ทีจนป่านนี้เขาคงด่าไปถึงบรรพบุรุษผมกันครบทุกคนแล้ว
‘แต่กูอยากเจอมึงเร็วๆนิ
ตอนนี้กูกำลังรีบไป แค่นี้แหละ ตู้ดๆๆ’พูดจบมันก็ตัดสายไป
“จะมาอยากเจอกูอะไรตอนนี้เนี้ย...”ผมว่าก่อนจะโยนโทรศัพท์ไปที่เบาะข้างๆ
แล้วมุ่งมั่นขับรถไปให้ถึงบ้านโดยเร็วก่อนไอ้เซโล่...
…….
…………..
…………………
“เอี๊ยดดดดด....”เสียงล่อรถบดกับพื้น ผมมาถึงบ้านแล้ว ผมขับรถเข้าไปจอดอย่างรวดเร็ว พอเดินลงมาจากรถก็พบว่ารถของไอ้เซโล่เลี้ยวเข้าบ้านมาพอดี...
ผมพ่นลมหายใจยาวออกมาก่อนจะยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าออก
“ทันพอดี”ผมพูดอย่างโล่งอก ไอ้เซโล่เดินลงมาจากรถ ผมฉีกยิ้มกว้างให้มัน
“ทำไมมึงมายืนอยู่ตรงนี้หละ
ไม่ได้อยู่ในบ้านหรอ”ไอ้เซโล่ถาม ผมกลอกตาไปมานึกหาคำตอบ
ก็เมื่อกี้ผมเพิ่งจะมาถึงเองนิ
“อ่อ
กูก็ออกมารับมึงไง ก็มึงโทรมาบอกว่าจะถึงแล้ว”ผมโกหกออกไป
สายตามองไปที่อื่นไม่กล้าสบตาไอ้เซโล่ กลัวว่ามันจะจับพิรุธผมได้
แต่จู่ๆไอ้เซโล่ก็นิ่งเงียบไป
มันเดินเข้ามาใกล้ผมยิ่งขึ้น มันเอื้อมมือมาจับต้นแขนผมเอาไว้ ก่อนจะเชยคางผมให้เงยหน้าสบตากับมัน
แววตาของมันนิ่งเรียบ หัวใจของผมเต้นรัวเร็ว นี่มันจับได้แล้วใช่ไหมว่าผมโกหก!
“น่ารักที่สุดเลยเมียกู....”มันพูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด ผมนิ่งอึ้งกับการกระทำของมันที่ไม่คาดคิด
ผมคิดว่าตัวเองโดนมันจับได้แล้วซะอีก
ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก รู้สึกเหมือนอายุสั้นลงอีกสิบปี
ผมดันไอ้เซโล่ออกก่อนจะฉีกยิ้มให้มัน
“มึงเพิ่งมาเหนื่อยๆไปทานของว่างในบ้านกูก่อนสิ”ผมเอ่ยชวนมัน
“ได้แต่มึงต้องป้อนกูนะ”มันบอกก่อนที่ผมกับมันจะเดินเข้าบ้านไป และไม่ทันที่ผมจะได้สังเกต ไอ้เซโล่มันหันกลับไปมองที่ด้านหลัง
ที่ที่มีรถของผมจอดอยู่!
**********
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น