[Kim Him Chan]
ผ่านมากี่วันแล้วนะ
ที่ผมตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองยังอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่ปิดตาย
มีเพียงจีโอที่เข้ามาบ้างแต่ก็แค่เอาอาหารกลับเสื้อผ้าที่ใช้เปลี่ยนแต่ละวันมาให้
ขืนอยู่อย่างงี้ต่อไปผมต้องเป็นโรคซึมเศร้าตายแน่ เพราะแม้แต่แสงตะวันผมยังไม่ได้เห็น...
“แกร๊ก....”เสียงประตูเปิดออก คงเป็นจีโอเหมือนเคยผมจึงไม่ได้หันไปมอง
“มึงจะนอนแดกบ้านแดกเมืองอีกนานมั้ย
ลุกขึ้น!”เสียงทุ้มเอ่ยสั่ง
ผมรีบหันควับไปมองก็พบว่าเป็นไอ้ยงกุก...
นี้ผมอุตส่าห์ดีใจคิดว่าจะไม่ได้เจอหน้ามันอีกแล้ว
แต่พอไข้หายปุ๊บมันก็โผล่หัวมาหลอกหลอนผมอีกครั้ง และดูครั้งนี้จะสยองกว่าเดิมหลายเท่า
“มึงมีเหี้ยไรกับกูอีกอ่ะ”ผมยันตัวลุกขึ้นถามมัน มันไม่ตอบแต่กลับปาผ้าขนหนูใส่หน้าผมแทน
ผมหยิบออกก่อนจะจ้องหน้ามันอย่างไม่พอใจ
“ไปอาบน้ำ
วันนี้กูจะพามึงไปข้างนอก”มันว่า ผมขมวดคิ้วมุ่น
มันจะพาผมไปไหน.....
“มึงจะพากูไปไหน?”ผมเอ่ยถาม มันหันมามองอย่างไม่สบอารมณ์
ก่อนจะเดินเข้ามาคว้าแขนผมแล้วกระชากให้ลุกขึ้น ผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
มันจับผมเหวี่ยงเข้าห้องน้ำ
“ไปหาพ่อมึงไง
เร็วๆด้วยถ้ามึงยังอยากเห็นหน้าพ่อมึงอยู่”มันพูดจบก็เดินออกไป
ทำเอาผมมึนงงไปหมด นี้มันจะพาผมไปหาพ่อจริงๆหรอ แต่ทำไมผมถึงรูสึกแปลกๆ มันจะมีอะไรรึเปล่านะ
…….
…………..
…………………
ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นาน
พอเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็ต้องตกใจ เพราะไอ้ยงกุกดันนั่งอยู่บนเตียง
มันเหลือบตาขึ้นมามองผม
“นานจังนะมึง
ไม่อยากเจอพ่อมึงรึไง รีบแต่งตัวแล้วตามกูไปข้างล่าง”มันเอ่ยสั่งรัวเร็ว
จนผมอ้าปากเถียงไม่ทัน จากนั้นมันก็ลุกขึ้นเดินออกไป... นี่มันจะรีบไปหาพ่อมันรึไงนะ
ผมมองไปที่เตียงที่ไอ้ยงกุกนั่งเมื่อกี้
พบว่ามีชุดสูทว่างอยู่ ผมเดินไปหยิบชุดสูทขึ้นมาดู ทำไมมันต้องให้ผมใส่สูทด้วย
นี้มันจะพาผมไปที่ไหนกัน จะไปหาพ่อผมจริงๆหรอ...
ผมขมวดคิ้วสงสัย
แต่ก็สงสัยได้ไม่นานเพราะต้องรีบแต่งตัว
ขืนช้าเดี๋ยวไอ้ยงกุกจะขึ้นมากระชากหัวผมเอา
ผมรีบแต่งตัวด้วยความรวดเร็ว
แต่แล้วสายตาของผมก็ปะทะเข้ากับสร้อยคอของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจก
ฉับพลันมันทำให้ผมนึกถึงครอบครัว แววตาของผมเศร้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
นี้ผมยังเหมาะสมที่จะเป็นว่าที่ผู้นำตระกูลอยู่รึเปล่านะ
ขนาดเอาตัวรอดไปจากที่นี้ยังทำไม่ได้ แถมยังโดนไอ้คนที่จับมาย้ำยี ผมยังสมควรจะขึ้นเป็นผู้นำคนอื่นอีกหรอ....
ผมยกมือขึ้นจับสร้อยคอของตัวเอง....
********
[Yoo Young Jae]
ผมจ้องมองตัวเองในกระจกที่สวมชุดสูทสีดำ
วันนี้มีงานประมูลของเก่าเพื่อเอารายได้ไปช่วยเหลือประชาชน
ซึ่งตระกูลของผมจะต้องไปร่วมงานด้วยรวมถึงตระกูลอื่นๆด้วยเช่นกัน
ผมจ้องมองเช็คความเรียบร้อยของตัวเอง
“Rrrrrrrrr”เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น
ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอคือ ‘เซโล่’
ผมกดรับสายทันที
‘มึงจะไปงานประมูลไหม’ปลายสายเอ่ยถาม ผมว่าผมได้ยินเสียงรถ นี้มันกำลังขับรถอยู่หรอ
“ไปดิ
พ่อกูไปกูก็ต้องไป มึงจะถามทำไมเนี้ย...”ผมตอบก่อนจะถามกลับ
‘งั้นกูไปรับมึงนะ’
“เห้ย ไม่ต้อง...
กูจะไปกับพ่อ เดี๋ยวใครเห็นกูกับมึงไปด้วยกันก็พูดนู้นพูดนี้กันพอดี”
‘ไม่เห็นต้องแคร์เลย
มึงเป็นเมียกูแล้วนะ’ดูมันพูด มันไม่แคร์แต่ผมแคร์นะครับ
แล้วเมิงเมียอะไร บอกกี่ทีแล้วว่ะว่าอย่าเรียกแบบนี้ ผมไม่ชอบเลยจริงๆ
“พอเลยมึง
เดี๋ยวไปเจอกันที่งาน แค่นี้นะ”ผมรีบจบบทสนทนาก่อนจะรีบตัดสายทิ้ง
ขืนคุยนานกว่านี้มันจะต้องอ้อนมารับผมให้ได้แน่
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เก็บโทรศัพท์ลง
เสียงของมันก็ดังขึ้นอีกครั้ง ผมขมวดคิ้วจ้องมองมัน
คิดว่าต้องเป็นไอ้เซโล่ที่โทรมาตื้อขอมารับแน่ๆ
แต่ผิดคาดเมื่อหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏชื่อ ‘แจบอม’ ผมรีบกดรับสาย
“สวัสดีครับพี่แจบอม...”ผมเอ่ยทักทาย
‘วันนี้ยองแจจะไปงานประมูลรึเปล่าครับ’ไม่ต้องสงสัยนะครับว่าเขารู้เรื่องงานประมูลได้ไง
เพราะผมกับเขาเราคุยกันมาได้ซักพักแล้ว
“ไปครับ”ผมตอบสั่นๆง่ายๆ
‘งั้นให้พี่ไปรับนะครับ’ผมคุ้นคิด ก่อนจะต้องตอบปฏิเสธไป
“ไม่เป็นไรครับ
ผมจะไปพร้อมกับพ่อครับ”สาเหตุที่ผมปฏิเสธไม่ใช่ว่าผมเล่นตัว
คนนู้นขอมารับก็ไม่ไป คนนี้ขอมารับก็ไม่ไปหรอกนะครับ
แต่เป็นแพราะผมกลัวอีกฝ่ายจะเห็นว่าผมมากับอีกคนต่างหาก
พูดง่ายๆก็คือกลัวรถไฟชนกันนั้นเอง แหะๆ ^^’’
‘งั้นหรอ...
งั้นเจอกันที่งานนะครับ...’
“ครับ...
แล้วเจอกันที่งาน”ผมบอกก่อนจะวางสาย
วันนี้มันวันอะไรเนี้ยใครๆก็อยากจะมารับผมจัง เฮ้อ....ก็ช่วยไม่ได้อ่ะเนอะ
ผมมันเสน่ห์แรงอ่ะ
********
[Kim Him Chan]
ผมเดินลงมาจากชั้นบน
พร้อมกับลูกน้องของไอ้ยงกุกที่คุมตัวผมลงมา
เมื่อเดินลงมาถึงผมก็พบกับไอ้ยงกุกที่นั่งรออยู่ที่โซฟา มันแต่งกายด้วยชุดสูท กระดุมสองเม็ดบนถูกปลดออกทำให้มันดูเป็นแบดบอย
แต่ในสายตาผมมันเลว!
“หึ
พอมึงแต่งตัวแล้วก็ดูดีกว่าหมาข้างถนนนิดนึงนะ
ดูเป็น...หมาที่เขาเลี้ยงไว้ในบ้านดี”มันพูดพร้อมกับยิ้มเหยียดๆให้ผม
ผมได้แต่กัดฟันกรอดๆกำมัดแน่น นี้ถ้าไม่ติดว่ามันบอกจะพาผมไปเจอพ่อ
ผมคงได้เข้าไปกัดมันซักที ให้สมกับที่มันด่าว่าผมเป็นหมา...
“มึงจะพากูไปไหน...”ผมถามมันอีกครั้ง
“ก็บอกว่าจะพาไปหาพ่อมึงไง”มันตอบ ผมรู้ว่ามันจะพาผมไปหาพ่อ แต่มันจะพาผมไปเจอที่ไหนหละ
เพราะดูจากการแต่งตัวคงไม่ใช่บ้านผมหรือสถานที่ธรรมดาแน่
“กูอยากรู้ว่าที่ไหน...”
“มึงไปก็รู้เอง”มันตอบก่อนจะลุกขึ้น
“แกร๊ก!”เสียงโลหะบางอย่างดังขึ้นข้างๆผม พอผมหันไปดูก็พบว่าเป็นกุญแจมือที่ล็อกข้อมือผมอยู่
ผมหันไปมองหน้าไอ้ยงกุก มันกำลังเอากุญแจมืออีกข้างล็อกที่ข้อมือของมันเอง จึงกลายเป็นว่าผมกับมันถูกกุญแจมือล็อกไว้ด้วยกัน
“นี้มึงทำห่าไรว่ะ จะล็อคกูไว้กับมึงทำไม...”ผมถามอย่างไม่พอใจ
“ก็กันมึงหนีไง
มึงคิดว่ากูจะปล่อยมึงไปหาพ่อมึงหรอ...”มันบอกพร้อมกับยกยิ้ม
“นี้มึง....”
“ไปได้แล้ว!”มันพูดก่อนจะก้าวขาเดินทันที ทำให้ผมถูกกุญแจมือที่ล็อกติดกับมันไว้กระชาก
“โอ้ย! มึงเดินช้าๆสิว่ะ”มันหันมาเหยียดยิ้ม
ผมและมันก้าวขึ้นรถ รถยนต์ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป ผมหันหน้าออกไปทางกระจกเพราะไม่อยากเห็นหน้าไอ้คนข้างๆ
และทันใดนั้นเหมือนผมจะเห็นฮยอนอา!แอบมองอยู่ตรงมุมตึก ผมจ้องมองเธออย่างประหลาดใจ
แต่แล้วฮยอนอาก็รีบผลุบตัวหายไปทันทีที่รู้ตัวว่าโดนผมจ้องมอง
‘ฮยอนอายังอยู่ที่นี้แต่ทำไมเธอไม่มาหาผมนะ เกิดอะไรขึ้นกับเธอรึเปล่า...’
…….
…………..
…………………
รถของไอ้ยงกุกขับเข้ามาจอดที่หน้าสถานที่หนึ่ง
ผมจำได้ว่าที่นี้คือตึกสำนักงานว่าการของรัฐ
ที่ที่พ่อมักพาผมมาประจำเวลาคุยเรื่องงาน แต่ที่นี้วันนี้ดูแปลกไปเพราะที่ด้านหน้ามีประชาชนมากมายกำลังยืนออ
เหมือนกับกำลังอะไรซักอย่าง.....
ไอ้ยงกุกลากให้ผมลงจากรถ
มันจับมือผมไปซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทของมันเพื่อปกปิดกุญแจมือ
ผมก็ไม่ได้ขัดขืนเพราะตอนนี้ต้องการเข้าไปด้านในมากกว่า พ่อของผมมาที่นี้จริงๆหรอ.....
มันพาผมเดินเข้ามาด้านใน
ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผมและมัน มันแสยะยิ้ม
ก่อนจะพาผมไปนั่งที่ม้านั่งยาวเรียงกันคลายกับที่นั่งในโบสถ์
มันเลือกนั่งตรงที่เป็นมุมอับ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมมันต้องเลืกนั่งตรงนี้ด้วย
ผมรู้แล้วว่านี้คืองานอะไร
มันคืองานประมูลนั้นเอง พ่อเคยพาผมมาเพื่อดูการประมูลหลายครั้ง
ที่ทุกครั้งตระกูลของผมจะประมูลมากที่สุดในราคาสูงที่สุดทุกครั้งไป
และตระกูลของผมก็จะได้รับผลตอบแทนเป็นความนับถือของประชาชน
เพราะเงินเหล่านั้นจะเอาไปช่วยประชาชนทุกคนในเมือง
ทำให้ตอนนี้ตระกูลของผมจึงขึ้นเป็นอันดับหนึ่งได้
“ไหนหละพ่อกู
มึงบอกจะพากูมาเจอพ่อไม่ใช่รึไง”ผมเอ่ยปากถามไอ้คนข้างๆที่เอาแต่นั่งแสยะยิ้ม
“อีกไม่นานพ่อมึงก็โผล่หัวมาเองแหละ
แล้วเมื่อถึงเวลานั้น กูก็มีโชว์เด็ดๆจะให้มึงดูด้วย...”ผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที
นี้มันจะทำอะไร มันจะไม่ทำอะไรพ่อผมใช่ไหม ผมหันกลับไปจ้องมองผู้คนในงาน ทั้งวิตกทั้งกังวล
กลัวสิ่งที่ไอ้ยงกุกกำลังจะทำ....
[Yoo Young Jae]
ผมมาถึงงานแล้ว
ตอนนี้ภายในงานมีผู้คนคับคลั่งพอๆกับประชาชนที่รอฟังข่าวด้านหน้าว่าตระกูลไหนบริจาคมากที่สุด
นักข่าวมากมายที่อยู่ภายในงานกดชัตเตอร์รัวมาที่ผมและพ่อ ก่อนจะเปลี่ยนมาสัมภาษณ์นู้นนี้นั้นแทน
ผมที่ไม่ค่อยถนัดเรื่องแบบนี้จึงแยกตัวออกมา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อผม
“พี่ยองแจ...”ผมหันไปตามเสียงเรียก เป็นไอ้จงออบนั้นเอง ผมไม่ได้เจอมันนานเลย
นานพอๆกับที่ไม่ได้เจอไอ้ฮิมชาน แต่มันมากับใครว่ะหน้าคุ้นๆ
“ไอ้จงออบ...”ผมเอ่ยเรียกชื่อมันเมื่อมันเดินเข้ามาถึงตัวผมพร้อมกับร่างสูงข้างๆมัน
“ไม่ได้เจอตั้งนานคิดถึงนะเนี้ย
ดูดิน้ำตาแทบไหล”ไอ้จงออบว่าก่อนจะทำหน้าเบะๆโอเวอร์แอคติ้ง
ไม่ได้เจอมันตั้งนานแต่มันก็ยังกวนไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ
“เวอร์ไปมึง เวอร์ไป...”ผมว่า มันยิ้มกว้างให้
“จงออบเดี๋ยวพี่ไปให้สัมภาษณ์นักข่าวก่อนนะ
อย่าหายไปไหนคนเดียวหละ”
“ครับ”ไอ้ร่างสูงนั้นพูดกับไอ้จงออบก่อนจะเดินจากไป ผมเพ่งมองหน้ามันชัดๆ
“ไอ้จงออบ นั้นมันไอ้แดฮยอนเพื่อนไอ้เซโล่ว่าที่คู่หมั้นพี่มึงไม่ใช่หรอ”ผมถาม ไอ้จงออบยิ้มกว้างพยักหน้าให้
“แล้วทำไมมันมากับมึงอ่ะ
หรือว่า....”ขออย่าให้ข้อสันนิฐานผมถูกเลย
แต่แล้วไอ้จงออบกับชูมือข้างซ้ายที่มีแหวนสีเงินประดับไว้ให้ดู เล่นเอาผมแทบทรุด
“ผมกับพี่แดฮยอนแอบคบกันน่ะ”มันบอกยิ้มๆ แต่ดูเหมือนรอยยิ้มฝืนๆ
“แอบคบกัน?”ผมทวนคำพูดของมันอ้าปากเหวอ นี้มันยังสติดีรึเปล่า
ผมไม่ได้ว่าเรื่องที่มันกับไอ้แดฮยอนนั้นรักกันหรอก แต่ว่านั้นมันเป็นว่าที่คู่หมั้นพี่สาวมันนะ
มันต้องแอบคบกับเขาทั้งๆที่เขากำลังจะหมั้นกับพี่สาวตัวเองนะเหรอ
“มึงก็ยังยิ้มได้อีกเนอะ
ไม่เจ็บรึไง”ผมรู้ดีว่ามันจะต้องเจ็บปวดแน่ๆที่ทำแบบนี้
“อือ ก็ทำไงได้
ก็ผมรักพี่แดฮยอนไปแล้วนิ”มันยิ้มบางๆตอบ
แต่ผมเห็นนะว่าแววตาของมันเศร้าแค่ไหน เจ็บมากเลยสินะจงออบ...
“ที่ร้ากกกก...”เสียงหนึ่งดังขึ้นมาแต่ไกล ก่อนจะปรากฏไอ้หัวหยอยๆอ้าแขนกว้างวิ่งมาทางผม
ผมเบิกตากว้างรีบดึงไอ้จงออบมากำบังไว้
“ไอ้เซโล่มึงเป็นห่าไรเนี้ย...”ผมว่า ไอ้เซโล่พยายามหาทางเข้ามากอดผมให้ได้ แต่ติดที่ผมจับจงออบขวางไว้
พวกเราเลยเหมือนกำลังเล่นแม่งูเอ๋ยกันอยู่
โดยมีแม่งูเป็นจงออบที่ทำหน้าเอ๋อไม่รู้เรื่องด้วย
“ก็กูคิดถึงมึงอ่ะ
จะไปรับก็ไม่ให้ไป มาถึงงานแล้วก็ไม่โทรมาบอก รู้ไหมว่ากูมาถึงนานแล้ว”มันบอกพร้อมกับทำหน้าหงอยๆเป็นลูกแมว
นับวันผมว่าไอ้เซโล่ชักอาการหนักขึ้นแล้วหละ มันจะติดอะไรผมนักหนาเนี้ย
เมื่อวานก็เพิ่งเจอหน้ากัน
“อ๊ะ/อ๊ะ”ผมกับไอ้จงออบอุทานออกมาพร้อมกัน
เมื่อตัวกำบังของผมโดนไอ้ดำดึงไป
“พี่แดฮยอน...”ไอ้จงออบร้องเรียกชื่อคนที่ดึงมันไปอยู่ข้างหลัง ไอ้ดำนั้นจ้องผมกับไอ้เซโล่อย่างไม่พอใจ
เหอะ...หวงหละสิ
“หมับ...”สุดท้ายผมก็โดนไอ้เซโล่พุ่งเข้ามากอด
ผมรีบผลักมันออกเพราะนักข่าวหันมามองผมกับมัน
“ไอ้เซโล่มึงเลิกบ้าได้ยัง
กูยังไม่อยากเป็นข่าวซุบซิบนะเว้ย”ผมหันไปเหวใส่มัน
“เลิกก็ได้ แต่พองานจบมึงต้องไปกับกูด้วยนะ”มันพูดยิ้มเจ้าเล่ห์
“ฝันไปเหอะ
กูมายังไงก็จะกลับอย่างงั้นเว้ย...”ผมว่า มันทำหน้าจ๋อย
“สวัสดีครับ
คุณหญิงคุณนายและคุณท่านทั้งหลาย
ตอนนี้ก็ถึงเวลาประมูลของเก่าของมีค่ากันแล้วนะครับ
ผมขอบอกไว้ก่อนเลยว่าเงินทุกบาทที่ท่านได้ประมูล เราจะนำไปพัฒนาเมืองๆนี้
ขอเชิญทุกท่านเตรียมตัวเตรียมใจและเตรียมเงินสำหรับการประมูลได้แล้วครับ”โฆษกที่ยืนอยู่บนเวทีกล่าว
พวกเราทั้งสี่คนจึงหันไปมองทางเวทีที่กำลังจะเริ่มต้นการประมูลแล้ว
ตำรวจและเจ้าหน้าที่มากมายยืนเฝ้าแต่ละจุดในงาน
ซึ่งผมเห็นพี่แจบอม อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย
ผมยังไม่ได้บอกใช่ไหมครับว่าพี่แจบอมเป็นตำรวจ เขาหันมายิ้มให้ผม ผมเองก็ยิ้มตอบไป
ก่อนที่จะหันไปสนใจบนเวที สินค้าชิ้นแรกกำลังถูกประมูล
[Kim Him Chan]
ผมนั่งดูการประมูลอยู่นาน
แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของพ่อผมเลย พ่อจะมาที่นี้จริงๆหรอ ไอ้ยงกุกมันโกหกรึเปล่า...
“อ๊ะ!”ผมอุทานออกมาเมื่อเห็นพ่อเพิ่งเดินผ่านประตูเข้ามาในงาน
นักข่าวมากมายต่างเข้าไปรุมล้อม ก่อนที่บอดี้การ์ดประจำตัวของพ่อ อีจุนจะเข้ามากันไว้ให้
“พ่...อื้ออ...”ผมกำลังจะร้องตระโกนเรียกพ่อ แต่มือหนาของไอ้ยงกุกก็เข้ามาปิดปากผมไว้
ผมพยายามแกะมือมันออก
“ถ้ามึงแหกปากกูจะยิงกระบาลมึงทิ้งตรงนี้ซะ
นั่งเฉยๆรอดูการแสดงที่จะเริ่มขึ้นก็พอ มึงเข้าใจที่กูพูดไหม...”มันกดเสียงต่ำพูดที่ข้างหู ผมเหลือบตามองพ่อที่กำลังเดินไปนั่งที่ด้านหน้า
ก่อนจะพยักหน้ารับ ไอ้ยงกุกเลยยอมเอามือออกจากปากผม ยังไงซะตอนนี้ผมก็อยู่ที่นี้กับพ่อแล้ว
ตอนนี้ทำตามที่มันสั่งไปก่อน แล้วผมค่อยหาทางหนีเอาก็ได้...
“ตอนนี้ก็มาถึงสินค้าชิ้นสุดท้ายแล้วนะครับ
เป็นชิ้นที่มีราคาสูงที่สุด เริ่มต้นที่ สิบล้าน! ครับ...”โฆษกบนเวทีกล่าว เสียงทุกคนในงานร้องฮือกับราคาเริ่มต้นของมัน
เจ้าหน้าที่นำสินค้าชิ้นนั้นขึ้นมาบนเวที มันคือดาบที่ด้ามจับฝังอัญมณีล้ำค่าไว้
ทุกคนในงานต่างจ้องมองความงดงามของมัน
“ยี่สิบล้าน!”ทุกคนหันไปมองคนที่เริ่มต้นการประมูลด้วยความทึ้ง
“สามสิบล้าน!”แล้วก็มีอีกเสียงหนึ่งพูดขึ้นมา ทุกคนเบนสายตาไปมอง
“สามสิบห้าล้าน!”
“สี่สิบล้าน!”
“ห้าสิบล้าน!”ตอนนี้การประมูลดุเดือดขึ้นเรื่อยๆแล้ว
ทุกคนในงานต่างตื่นเต้นกับการประมูลสินค้าชิ้นสุดท้ายนี้
“ตอนนี้อยู่ที่ห้าสิบล้านนะครับ
มีใครจะเสนอตัวเลขที่สูงกว่านี้ไหมครับ”ทุกคนหันมองหน้ากันไปมา
“ถ้าไม่มีผมจะเริ่มนับนะครับ
ห้าสิบล้านครั้งที่1 ห้าสิบล้านครั้งที่2 ห้าสิบล้านครั้งที่3 ห้าสิบ....”
“ร้อยล้าน...”ทุกคนร้องฮือ ผมหันไปมองคนที่เอ่ยขึ้นมา นั้นคือพ่อผมนั้นเอง
“หึ
ได้เวลาแสดงแล้วสิ”คนที่นั่งข้างๆผมพูดขึ้นก่อนจะแสยะยิ้ม
ผมไม่เข้าใจไอ้ยงกุกว่ามันจะทำอะไรกัน
“โอ้โห...ตระกูลสายลมเสนอที่ร้อยล้านนะครับ
เป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในการประมูลอีกแล้ว มีใครจะเสนอสูงกว่านี้ไหมครับ
แต่ผมว่าไม่น่าจะมีแน่ๆ งั้นผมจะเริ่มนับแล้วนะครับ”โฆษกกล่าวอย่างตื่นเต้น
ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มนับพร้อมๆกัน
“ร้อยล้านครั้งที่1
ร้อยล้านครั้งที่2 …….ร้อยล้านครั้งที่9”
“สองร้อยล้าน.....”ทุกคนตกใจหันมามองที่ผม ผมหันไปมองไอ้คนข้างๆที่ยกมือพูดขึ้น
ไอ้ยงกุกมันประมูลด้วยราคาสองร้อยล้าน! ทุกคนต่างตกตะลึง
“ส... สองร้อยล้าน
มีคนเสนอมากกว่าตระกูลสายลมแล้วนะครับ”โฆษกพูดเสียงสั่น
พ่อหันมาจ้องมองก่อนจะต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นผม ผมสบตากับพ่อ พ่อลุกขึ้นยืนหันมามองผมเต็มๆตา
แววตาคู่นั้นสั่นระริก
“พ่อ...”ผมร้องเรียก ทำท่าจะลุกขึ้นแต่ก็ติดกุญแจมือที่ลามไว้กับไอ้ยงกุก
“สองร้อยล้านครั้งที่1
สองร้อยล้านครั้งที่2”โฆษกเริ่มนับ
ผมส่งสายตาให้พ่อเอ่ยเพิ่มจำนวนตัวเลข ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าไอ้ยงกุกจะทำอะไร มันกำลังจะทำให้ประชาชนหมดนับถือในตระกูลของผม
แต่พ่อที่กำลังตกตะลึงที่เจอผมเลยไม่ได้สนใจเสียงที่กำลังนับเลยซักนิด
ผมจะทำยังไงดี......
“สองร้อยล้านครั้งที่8
สองร้อยล้านครั้งที่9 สองร้อยล้านครั้งที่10! ยุติการประมูล!”ไม่นะ ไม่จริง...
ทุกคนต่างร้องฮือตกตลึง ไม่คิดว่าตระกูลของผมจะแพ้ในการประมูล....
“หึ จบเร็วจัง”ไอ้ยงกุกแสยะยิ้มพูดออกมา ผมหันไปมองมันอย่างโกรธเคือง
ทำไมมันต้องทำแบบนี้ด้วย ทำไม!
[Yoo Young Jae]
ตอนนี้ผมกำลังอึ้ง
ตระกูลไอ้ฮิมชานแพ้การประมูล ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้
ผมพยายามมองว่าไอ้คนที่ชนะการประมูลเป็นใคร แต่มันดันนั่งในมุมอับทำให้ผมมองไปเห็น
พอจะเดินเข้าไปดูหน้า ผู้คนที่พอการประมูลสิ้นสุดก็เริ่มทยอยออกมา
ทำให้ผมเดินเข้าไปไม่ได้
“ออกไปกันเถอะ
คนเริ่มเดินออกแล้ว เดี๋ยวจะโดนชนเอา”ไอ้เซโล่ที่ยืนอยู่ข้างๆจับมือผมลากออกไป
ซึ่งผมก็จับมือไอ้จงออบลากออกมาอีกที แล้วพ่วงด้วยไอ้ดำนั้นอีกคน
“เป็นไปได้ไงกัน
ตระกูลพี่ฮิมชานแพ้การประมูล”ไอ้จงออบพูดขึ้น
ตอนนี้พวกผมกำลังยืนอยู่ด้านหน้าของงาน
“นั้นสิ
ตระกูลสายลมมีเงินตั้งมากมาย ไม่มีทางที่จะไม่มีเงินมากกว่าสองร้อยล้านแน่
เพราะนายคนเดียวไอ้เซโล่ ฉันจะดูหน้าไอ้คนที่ชนะนั้นซะหน่อย นายก็ดันลากฉันออกมา”ผมหันไปว่าไอ้ร่างสูงข้างๆ
“เอ้า... ก็ฉันกลัวนายโดนฝูงคนเหยียบแบนตายนะสิ”ไอ้เซโล่บอก แต่มันไม่ยอมสบตาผม มันหันไปสบตากับไอ้แดฮยอนเพื่อนมันแทน
ตอนนี้ข่าวที่ว่าตระกูลสายลมแพ้การประมูลคงกระจายไปทั่วแล้ว นักข่าวต่างเตรียมพร้อมอยู่ด้านหน้า
เตรียมทำข่าวเรื่องนี้เต็มที่
[Kim Him Chan]
ตอนนี้ผู้คนออกไปกันหมดแล้วจึงเหลือแค่ผม
ไอ้ยงกุก พ่อและอีจุนที่ยืนมองกันและกัน อีจุนทำท่าจะเดินเข้ามาหาผม
แต่จีโอที่เพิ่งเดินเข้ามายกปืนจ่อไว้ พ่อจึงสั่งให้อีจุนหยุดก่อน
“นายต้องการอะไร
จับตัวลูกชายฉันไปทำไม แล้วทำแบบนี้ทำไมกัน”พ่อเอ่ยถามไอ้ยงกุก
แต่มันกลับแสยะยิ้มให้ จีโอกับอีจุนจ้องหน้ากันและกันอย่างไม่พอใจ
รอจังหวะอีกฝ่ายเผลอเมื่อไรก็จะเข้าจัดการทันที
“คำถามเยอะจังนะ
เอาที่ละคำตอบหละกัน... ถ้าถามว่าต้องการอะไร กูต้องการให้ตระกูลมึงล้มสลายไปไง...”มันบอก ผมและพ่อเบิกตากว้าง ทำไมมันต้องทำแบบนั้นด้วย
“ถามว่าจับตัวลูกชายมึงมาทำไม....”
“โอ้ยย!”ผมร้องออกมา เมื่อไอ้ยงกุกจิกที่หัวของผม
“ก็แค่ความพอใจของกูเท่านั้นแหละ”มันไล่ปลายจมูกไปที่แก้มของผม ผมหลบสายตาของพ่อที่มองมา รู้สึกละอายแก่ใจที่พ่อต้องมารู้ว่ามันทำอะไรกับผม
ผมอยากจะหายไปจากตรงนี้เหลือเกิน
“แล้วที่ถามว่าทำแบบนี้ทำไม
มึงก็น่าจะรู้นะว่าทำไม ก็ทำเหมือนที่มึงเคยทำกับตระกูลกูไง!”ไอ้ยงกุกเริ่มขึ้นเสียงดัง ผมไม่เข้าใจมันพูดเรื่องอะไรกัน พ่อผมไปทำอะไรเมื่อไหร่กัน
“หมายความว่าไง
นายเป็นใครกันแน่ นายไม่ใช่ผู้นำตระกูลดาร์กที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาแน่...”พ่อผมถามพร้อมกับข้อสันนิฐานที่ทำให้ไอ้ยงกุกเหยียดยิ้ม
“หึ เดาถูกนิ
กูก็คือ....ทายาทตระกูลไฟ! ที่มึงทำลายไปไง!”พ่อผมถึงกับทรุดลงนั่ง จ้องหน้าไอ้ยงกุกอย่างไม่อยากจะเชื่อ
นี้มันหมายความว่าไง พ่อผมทำลายตระกูลของไอ้ยงกุกงั้นหรอ!
“คุณยงกุกครับ
รีบไปเถอะครับ นักข่าวกำลังจะเข้ามาแล้ว”จีโอหันมาบอก
ปืนในมือยังถือจ่ออีจุนไว้
“หึ นี้แค่เพิ่งจะเริ่มต้น
อย่าเพิ่งยิงตัวตายไปก่อนหละ รอดูตระกูลของมึงค่อยๆล้มสลายไปเหมือนกับตระกูลกูก่อน...”ไอ้ยงกุกพูดจบก็จะลากผมออกไป
“พ่อ! โอ้ยย!”ผมจะวิ่งเข้าไปหาพ่อ
แต่ก็โดนไอ้ยงกุกกระชากกุญแจมือไว้ มันลากผมออกไป ผมพยายามดิ้นขัดขืน
จีโอถือปืนจ่อไว้
ก่อนจะค่อยๆเดินตามออกมา
“โธ่เว้ย! ครั้งหน้ากูไม่ปล่อยให้มึงรอดแน่”อีจุนพูดอย่างหัวเสีย
ก่อนจะเข้าไปดูเจ้านายของตัวเอง....
…….
…………..
…………………
“ปล่อยกู!
กูจะไปหาพ่อ... ปล่อยสิว่ะ!”ผมดิ้นขัดขืนไอ้ยงกุกที่ลากผมออกมา
มันดึงผมแอบฝูงนักข่าวที่กรูกันเข้าไปข้างใน พวกเขาต้องเข้าไปทำข่าวพ่อผมแน่....
“โอ้ย! เจ็บนะ”ผมร้อง
ไอ้ยงกุกกระชากกุญแจมือลากผมอีกครั้งเมื่อฝูงนักข่าวเข้าไปหมดแล้ว
รถของมันขับเข้ามาจอดพอดี มันกำลังลากผมขึ้นรถ.....
“พี่ยองแจ...
จงออบกลับก่อนนะ”ผมได้ยินเสียงคุ้นๆ พอหันไปมองก็ต้องตาโต
ไอ้ยองแจ ไอ้จงออบอยู่ตรงนั้น ไอ้จงออบกำลังโบกมือลาให้ไอ้ยองแจ.....
“ไอ้ยองแจ!...ยอง...อื้อออ.....”ผมตะโกนเรียกหวังจะให้พวกมันได้ยินแล้วหันมามอง
แต่ไอ้ยงกุกดัน ปิดปากผมไว้ ก่อนจะลากให้ขึ้นรถ
ประตูรถถูกปิดลงก่อนจะขับออกไปด้วยความเร็ว ผมมองเห็นไอ้ยองแจกับไอ้จงออบกำลังมองหาที่มาของเสียง
น้ำตาของผมไหลพรากออกมา อีกแค่นิดเดียวแล้วแท้ๆ
[Yoo Young Jae]
“ไอ้ยองแจ!....ยอง.....”ผมหันไปมองตามเสียงเรียก
เสียงนี้คุ้นหูผมมาก แต่พอหันไปมองกลับไม่พบใครซักคน....
“จงออบเมื่อกี้ได้ยินเสียงใครเรียกกูไหม...”ผมถาม สายตาก็มองหาที่มาของเสียง ไอ้จงออบก็มองหาเช่นเดียวกัน
แต่ก็มีเพียงรถที่ติดฟิล์มดำแล่นออกไป....
“ได้ยินเหมือนเสียงพี่ฮิมชานเลย”ใช่...งั้นแสดงว่าไอ้จงออบก็ได้ยินเหมือนกัน ผมได้ยินไม่ผิดแน่
เป็นเสียงของไอ้ฮิมชาน! แต่ว่ามันอยู่ไหนกัน
“จงออบเมื่อกี้จะกลับบ้านไม่ใช่หรอ...”ไอ้ดำข้างๆจงออบพูด
“ผมกำลังมองหาพี่ฮิมชานอยู่ครับ
พี่ยองแจเห็นพี่ฮิมชานไหม”ไอ้จง ออบตอบ มันมองหาไอ้ฮิมชานอย่างจริงจัง
“ไม่เห็นว่ะ
มันหายไปไหนว่ะ”ผมตอบ ไอ้แดฮยอนหันมามองหน้ากับไอ้เซโล่
“มึงหูฝาดแล้ว
กูเป็นคนเรียกมึงต่างหาก”ไอ้เซโล่บอก
“มึงจะบ้ารึไง
เสียงมึงอ่ะกูจำได้ แต่เสียงเมื่อกี้มันเสียงไอ้ฮิมชานชัดๆ”ผมหันไปด่าไอ้เซโล่ก่อนจะมองหาไอ้ฮิมชานต่อ
เอ๊ะ! หรือว่าผมหูฝาดจริงๆว่ะ
“จงออบพี่หิวข้าวแล้วนะ
ถ้าจงออบไม่ไปพี่จะทิ้งไว้ที่นี้แล้วนะ”
“อ๊ะ พี่แดฮยอนอย่าเพิ่งงอนสิครับ
กลับก็กลับครับ...”แล้วไอ้จงออบก็จับมือไอ้ดำนั้นขึ้นรถกลับบ้านไป
“มันอยู่ไหนว่ะ”ผมพูดอย่างหงุดหงิด ก่อนจะตัดสินใจเลิกมองหา พอหันไปมองหน้าไอ้เซโล่ มันก็ยืนนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
“ไอ้เซโล่มึงเป็นอะไรรึเปล่า...”ผมถามมัน
“ห หืม... อ่อ เปล่าๆ
ว่าแต่ไอ้ยองแจพ่อมึงกลับไปแล้วนิ แล้วมึงจะกลับยังไงอ่ะ”เออใช่
ผมลืมเลย พ่อนะพ่อทิ้งผมซะงั้นอ่ะ
“งั้น....มึงไปส่งกูหละกัน
แต่ส่งบ้านกูนะไม่ใช่บ้านมึง”ผมบอกอย่างรู้ทัน ไอ้เซโล่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์
“ครับที่รัก”นี้ผมจะเชื่อมันได้มั้ยเนี้ย....
*********
[Bang Yong Gook]
รถมาถึงเซฟเฮาส์
ผมลากไอ้ฮิมชานที่ยังดิ้นไม่หยุดลงจากรถ มันดิ้นจนกุญแจมือที่ล็อกข้อมือมันบาดเลือดไหลอาบออกมา
ผมลากมันขึ้นมาที่ห้องที่ผมใช้ขังมันไว้
“ปล่อย! ปล่อยกูสิว่ะ! กูบอกให้ปล่อย!
โครมมม! อุ๊ก...!”ผมปลดกุญแจมือออก ก่อนจะจับมันเหวี่ยงกระแทกกับโต๊ะวางของ
มันลงไปนอนจุกอยู่กับพื้น
“ทีนี้มึงจะหยุดแหกปากหยุดดิ้นได้รึยัง!”ผมถามมันเสียงเหี้ยม มันหันควับมามองหน้าผม แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ดวงตามีน้ำตาท่วมเอ่อ
“มึงมันเลวไอ้ยงกุก! กูไม่เชื่อหรอกว่าพ่อกูจะทำแบบนั้น”
“ไม่เชื่อก็เรื่องของมึง
แต่ไม่ว่ายังไงตระกูลมึงก็ต้องถูกกูทำลาย และรวมถึงพ่อมึงและตัวมึงเองด้วย!”
ไอ้ฮิมชานจ้องหน้าผมนิ่งก่อนที่น้ำตาของมันจะไหลลงมาเป็นสาย
ผมรู้สึกว่าหัวใจกระตุกวูบ มันกำลังเจ็บปวดอย่างที่ผมต้องการจะให้มันเป็น
แต่ทำไมผมต้องรู้สึกเจ็บไปกับมันด้วย
“ฮึก ทำไม...
ถ้ามึงโกรธเกลียดตระกูลกูนัก ทำไมมึงไม่ฆ่ากูทิ้งเลยหละ”มันถามคำถามกับผม
นั้นสิ...ทำไมผมถึงไม่ฆ่ามัน ทั้งๆที่ผมจะฆ่ามันทิ้งเลยก็ได้
“อย่ามาทำปากดีกับกูไอ้ฮิมชาน
มึงก็รู้ว่าถ้ากูคิดจะฆ่ากูก็ฆ่าได้”ผมบอก
“งั้นมึงก็ฆ่ากูเลย! ฆ่ากูเลยไอ้ยงกุก แต่กูขอร้อง...มึงอย่าทำอะไรพ่อกู
อย่าทำลายตระกูลกูได้ไหม...”มันเอ่ยอ้อนวอนขอร้องผมทั้งน้ำตา
มือที่มีเลือดไหลอาบสั่นระริก แววตาที่ถูกม่านน้ำตาปิดบังกำลังจ้องมองผม
ผมเบือนหน้าหนี....
“มึงคิดว่ามึงมีค่าพอขนาดนั้นเลยรึไง...
เดี๋ยวจะให้คนมาทำแผลที่ข้อมือให้ อย่าเสือกตายก่อนหละ”พูดจบผมก็รีบเดินออกจากห้อง
ไม่อยากเห็นภาพของไอ้
ฮิมชานที่จ้องมองผมแบบนั้น....
ผมเดินจากมาด้วยความรู้สึกหลากหลาย
น้ำตาของมัน น้ำตาของไอ้ ฮิมชาน
ทำให้ผมนึกถึงเรื่องในวัยเด็ก ตอนที่ผมได้พบมันครั้งแรกและต้องรู้ว่ามันคือศัตรู
วันนั้นผมสาบานว่าจะต้องแก้แค้นตระกูลมันให้ได้
แต่แล้วก็เป็นเพราะน้ำตาของมันที่ทำให้ผมใจอ่อน
เป็นความใจอ่อนครั้งแรกที่ผมมีต่อศัตรู.....
**********
[Yoo Young Jae]
ไอ้เซโล่เป็นคนไว้ใจไม่ได้
ข้อนี้ผมมีข้อพิสูจน์ เพราะผมบอกให้มันพาผมไปส่งบ้านแต่มันดันพาผมมาบ้านมันแทน
นี้มันจะทำตามที่ผมสั่งซักครั้งไม่ได้เลยจริงๆใช่ไหม...=”=
“ยองแจอ่า....”
“มึงไปไกลๆกูเลยไอ้เซโล่
กูยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่”ผมบอก ผมกำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องมัน
ไหนๆมันก็ไม่พาผมกลับบ้านแล้ว ผมก็เลยถือซะว่านี้เป็นห้องของผมซะเลย
“ยองแจอ่า...โกรธกูหรอ”ยังจะถามอีกเนอะ ผมหันไปค้อนมันนิดนึง
“ยองแจอ่า....”
“กูบอกให้ไปไกลๆไง
เดี๋ยวก็ถีบให้หรอก”ผมพูดขู่ ไอ้เซโล่เลยเลิกเซ้าซี้ผม
มันนั่งจ้องหน้าผมทำหน้ายู่ แต่ผมก็ไม่สนใจนั่งดูทีวีต่อ ผ่านไปซักพักมันก็ลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
สงสัยว่าจะไปอาบน้ำ ผมก็นั่งกดทีวีดูไปเรื่อยๆ
“Rrrrrrrrrr”มือถือเครื่องหรูของผมร้องดัง
ผมหยิบมันขึ้นมาดู
ชื่อที่ขึ้นโชว์หน้าจอทำให้ผมต้องกดรับก่อนจะเดินออกไปที่ระเบียง
เพื่อกันไม่ให้ไอ้คนที่อาบน้ำอยู่ได้ยินบทสนทนา....
“ฮัลโหลครับพี่แจบอม....”
‘ยองแจกลับถึงบ้านแล้วหรอครับ
หลังเลิกงานวุ่นวายมากพี่ตามหายองแจไม่เจอเลย...’
“อ่อ...ครับ
ผมไม่ค่อยชอบความวุ่นวายเลยรีบกลับก่อนนะครับ”ผมยิ้มแหยๆตอบ
ความจริงไม่เจอน่ะดีแล้ว เพราะตอนหลังเลิกงานผมกำลังอยู่กับไอ้เซโล่
ขืนพี่แจบอมเจอผมเข้าก็ซวยนะสิ
‘หรอ... เสียดายจัง
พี่ว่าจะพายองแจไปกินข้าวซะหน่อย’พี่แจบอมบอก
ผมนิ่งเงียบไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี แต่แล้วผมก็นึกอะไรขึ้นได้
“พี่แจบอมครับ
เมื่อตอนในงานใครเป็นคนประมูลสินค้าชิ้นสุดท้ายไปหรอครับ”ผมเอ่ยถาม
‘เอ๊ะ
สินค้าชิ้นสุดท้ายหรอ ตระกูลดาร์กที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ประมูลได้ไปน่ะ คงจะต้องการแสดงอำนาจตระกูลของตัวเองมั้ง
มีอะไรรึเปล่าครับ’ตระกูลดาร์กงั้นหรอ ใช่สิ
ผมลืมตระกูลนี้ไปได้ยังไงกัน
“คือ...เรื่องที่ผมขอให้พี่ช่วยน่ะครับ
เรื่องของเพื่อนผม พี่ช่วย...อ๊ะ!”ผมอุทานออกมา
เมื่อเอวถูกแขนแกร่งสวมกอดกะทันหัน
ไอ้เซโล่ที่ตัวเปียกไปด้วยหยดน้ำกำลังสวมกอดผมจากทางด้านหลัง
นี้มันมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
‘ยองแจ..
เป็นอะไรรึเปล่าครับ’เสียงพี่แจบอมถาม เมื่อผมหยุดพูดไปนาน
“อ่อ เปล่าๆครับ
คือผม...อ๊ะ! หยุด....”
‘ยองแจเป็นอะไรรึเปล่า
อยู่กับใครหรอครับ’
“เปล่าครับ
ผมอยู่คนเดียว อื้อ...หยุดนะ! ไอ้....”ผมเกือบหลุดปากชื่อไอ้เซโล่ออกไปแล้วไง
ตอนนี้ผมกำลังพยายามแกะไอ้มือปลาหมึกนี้ออกจากตัวผม ไอ้เซโล่ลูบไล้ตัวผมไปทั่ว
มันล่วงมือเข้ามาใต้เสื้อบีบเค้นหน้าอกของผม มืออีกข้างก็พยายามล่วงลงต่ำแต่ผมจับมือมันเอาไว้ก่อน
‘ยองแจอยู่กับคนอื่นหรอ
ยองแจเป็นอะไรรึเปล่า ให้พี่ไปหามั้ย.....’เสียงพี่แจบอมถามอย่างเป็นห่วง
ผมผลักหัวไอ้เซโล่ที่กำลังซุกไซร้ซอกคอผมออก
“เดี๋ยวค่อยคุยกันวันหลังนะครับ
ขอโทษนะครับ....”ผมบอกก่อนจะกดวางสาย
แล้วหันมาจัดการไอ้เซโล่ที่ป่วนการสนทนาโทรศัพท์ของผม
“ไอ้เซโล่! มึง...อื้อ....”ผมที่กำลังจะด่ากลับต้องร้องครางออกมาแทน
เมื่อมันเอาขาแทรกเข้ามาตรงกลางหว่างขาของผม สองมือก็ช่วยกับบีบเค้นหน้าอก
ปากก็กดจูบที่ซอกคออย่างเมามันส์ จนร่างกายอ่อนระทวยไปหมด
ดีที่มีระเบียงช่วยพยุงตัวผมไว้
“ไอ้เซโล่...นี้มึงไปมีอารมณ์ตอนไหนว่ะ
ปล่อยกูก่อนได้มั้ย นี้มันระเบียงนะเว้ย...”ผมพูดกับมัน
แต่ดูเหมือนมันจะไม่ฟังที่ผมพูดเลย
แถมตอนนี้ตรงส่วนนั้นของผมที่ขาของมันกำลังเสียดสีอยู่ก็เริ่มลุกตั้งแล้วสิ
“อ้า....ไอ้เซโล่”ผมเชิดหน้าครางเมื่อริมฝีปากร้อนของมันเลื่อนลงต่ำมาที่หน้าอกของผม
กระดุมเสื้อเชิ้ตของผมถูกปลดลง มันเลื่อนเสื้อของผมลงเผยให้เห็นไหล่ขาว
“หยุดก่อนไอ้เซโล่...มึงจะทำตรงนี้เลยรึไง”ผมดันตัวมันออก มันจ้องมองผมด้วยสายตาหื่นๆ ก่อนจะพุ่งเข้ามานัวเนียผมต่อ
นี้ผมห้ามมันไม่ได้จริงๆใช่ไหมเนี้ย....
“อึก...อ้า....ไอ้เซโล่...”ผมก็ชักมีอารมณ์กับมันแล้วสิ นี้มันจะเอาตรงนี้เลยจริงๆหรอ เอาว่ะ...ในเมื่อห้ามมันไม่ได้งั้นผมก็จัดให้เลยหละกัน
ผมดึงผ้าขนหนูที่ห่อหุ้มท่อนล่างมันอยู่เพียงชิ้นเดียวออก
มันก็ถอดกางเกงผมออกเหมือนกัน แต่โชคดีที่ผมนั้นยังมีชายเสื้อปิดอยู่ เพราะถ้ามีคนเห็นก็เห็นของมันคนเดียวหละกัน
จากนั้นผมก็โอบรอบคอมัน โน้มให้มันเข้ามากดจูบ
“อื้อ...อืมม....”เรากดจูบกันอย่างร้อนแรง ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายถอนจูบออกเพราะขาดอากาศหายใจ
ไอ้เซโล่พยายามจะเลื่อนเสื้อผมขึ้นให้เห็นส่วนนั้นแต่ผมดึงเอาไว้
มันจึงจับขาผมข้างหนึ่งยกขึ้นไว้ที่เอว แล้วแทรกตัวเข้ามาตรงกลาง
ผมโอบกอดรอบคอมันไว้ แกนกายของมันถูไถอยู่ที่ก้นของผม
“ยองแจอ่า....”มันพูดขึ้นที่ข้างหู มือก็ลูบไล้ไปทั่วร่างกายของผม
“เมื่อกี้มึงคุยโทรศัพท์กับใคร.....!”ผมชะงัก ทำไมจู่ๆมันก็ถามขึ้นมานะ หรือว่ามันจะได้ยินที่ผมคุย....!
“อื้อออ....ไอ้เซโล่....”มันขบกัดใบหูของผมก่อนจะใช้ลิ้นแหย่เข้ามาในหูแกล้งผมเมื่อเห็นผมไม่ตอบซักที
ขนอ่อนบนตัวผมลุกตั้งชัน นี้มันจะใช้วิธีนี้เค้นเอาคำตอบจากผมงั้นหรอ....
“กูคุยกับ....จงออบ”ผมช่างโกหกไม่ได้เนียนเอาซะเลย ไอ้เซโล่เลื่อนริมฝีปากมาขบเม้มซอกคอผมแทน
“หรอ...แต่มึงพูดเพราะจังนะ
ฟังดูไม่เหมือนคุยกับจงออบเลย”นี้มันกำลังสงสัยผมจริงๆใช่ไหม
แต่สงสัยอย่างเดียวไม่ว่า ทำไมมันต้องทำอย่างว่าไปแล้วสอบสวนผมไปด้วยเนี้ย.....
“อึก..อ๊าา....!”ผมร้องเมื่อแกนกายของไอ้เซโล่ดุนดันเข้ามาในช่องทางด้านหลัง
มือของมันบีบก้อนเนื้อนิ่มของผมอย่างแรง
“เบาๆหน่อยไอ้เซโล่
กูเจ็บ”ผมบอกด้วยใบหน้าเหยเก
“โอ้ยย! เชี่ย! เจ็บ...”แต่มันกลับกระแทกเข้ามาจนมิด
เหมือนจงใจจะแกล้ง ผมเงยหน้ามองหน้ามัน มันยกยิ้มให้ผมนิดๆ นี้มันกำลังโกรธหรอ
“มึงกำลังโกหกกูนะที่รัก
บอกความจริงกูมาดีกว่า ถ้ามึงไม่อยากเจ็บไปมากกว่านี้”มันบอก
ผมกับมันสบตากัน นี้มันคิดจะเล่นแบบนี้กับผมใช่ไหม ผมเหยียดยิ้มออกมา
ก่อนจะโน้มหน้ามันเข้ามาใกล้ แล้วกระซิบบอกที่ข้างหูของมัน
“ถ้ามึงคิดว่ากูกลัวก็ขยับเลย”พูดจบมันก็หันมาสบตากับผมอีกครั้ง ผมจ้องมองมันอย่างท้าทาย
“อึก...อ้า...อ๊า...”มันเริ่มขยับอย่างที่ผมว่าจริงๆ ผมจับราวระเบียงไว้แน่น
แค่เริ่มมันก็ใส่เข้ามาซะรัวแรง นี้เป็นเพราะผมไปยั่วให้มันโกรธรึเปล่าเนี้ย
แต่อย่างผมไม่กลัวอยู่แล้วแรงมาก็แรงกลับ ผมจึงกดสะโพกลงกระแทกสวนลงไป
จนไอ้เซโล่ต้องร้องคราง
“อื้อ....”หึ สมใจหละสิ ผมยกยิ้มให้มัน มันจึงจับขาผมขึ้นไปล็อกที่เอวไว้ทั้งสองข้าง
ก่อนจะกระแทกใส่รัวแรงกว่าเดิม
“อ๊า.... ไอ้เซโล่
อ้า....ถ้ากูตกลงไปตาย...อึก...จะทำไง...อ้า....”ผมพูดแทบไม่เป็นประโยค
มองลงไปที่ด้านล่างของระเบียง ความสูงของมันทำให้ผมรู้สึกใจหวิวขึ้นมา
“ก็เรื่องของมึงสิ”มันว่า ผมเริ่มจะโมโหแล้วสิ ผมเอื้อมมือไปโอบรอบคอมันไว้
“ได้
งั้นถ้าตกก็ตกไปด้วยกัน”พูดจบ
ผมกับมันก็เข้ากดจูบกันอย่างร้อนแรง
เป็นการร่วมรักที่คงไม่เคยมีใครกล้าทำมาก่อนนอกจากผมและมัน
“อึก...อ้า....อ๊า...แรงได้แค่นี้หรอ”ผมเอ่ยบอกอย่างดูถูก ทั้งๆที่จริงผมแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว
มันจับขาผมลงก่อนจะจับผมให้คว่ำหน้ากับระเบียง
สะโพกมนถูกจับให้แอ่นเข้าหาตัวของมัน ไอ้เซโล่กระแทกเข้ามาไม่ยั้ง
จนผมแทบจะถึงอยู่รอมร่อ
“อึก...อ๊า...”มันครางอย่างสุขสมผมก็เช่นเดียวกัน สวรรค์อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว
ผมจับราวระเบียงแน่นร่างกายกระตุกเกร็งก่อนจะปลดปล่อยออกมา
ไอ้เซโล่ที่ยังไม่ถึงมันกระแทกรัวแรงอย่างบ้าคลั่งและแล้วมันก็ปลดปล่อยตามมาติดๆ
“แฮ่กๆๆ”ผมหอบหายใจ เป็นการร่วมรักที่ทำผมเหนื่อยมากๆ ผมเผลอปล่อยมือจากราวระเบียง
ปล่อยแขนห้อยลงไปด้านหลัง ไอ้เซโล่คว้าเอวผมไว้
“มึงอยากตกลงไปตายรึไง”มันพูดขึ้น ผมหันหน้ากลับไปมองมัน
“มึงก็อยากให้กูตายไม่ใช่หรอ”ผมบอก มันจ้องหน้าผม ก่อนจะจับให้ผมหันไปหามัน แล้วมันก็ดึงผมเข้าไปกอด
“ไม่เด็ดขาด
กูไม่ยอมให้มึงตายหรอก กูรักมึงยองแจ”ผมแค่ยืนนิ่งๆให้มันกอด
จริงๆผมรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ทางปล่อยให้ผมตกลงไปตาย
แต่คงเป็นเพราะความน้อยใจที่ผมไม่สนใจมันเลย มันก็เลยประชดแบบนั้น
แต่ผมไม่โกรธมันหรอก...ผมไม่โกรธมันเลย....ไม่เลย...ไม่เลยจริงๆ...จริ๊งจริง....
…….
…………..
…………………
“ยองแจอ่า...กูขอโทษ อย่าไปเลยนะ....ฮือ....ยองแจ....”ผมพยายามลากขาข้างที่ไอ้เซโล่เกาะหนึบเดินออกจากบ้านมัน
“ไอ้เซโล่มึงปล่อยขากูสิว่ะ”ผมสั่ง แต่มันกลับเกาะแน่นกว่าเดิม เกาะไม่พอมันดันดึงชายเสื้อผมไว้อีก
ผมก็พยายามแงะมือมันออกเต็มที่ เสื้อกูจะขาดไหมเนี้ย
“ยองแจอ่า....กูสำนึกผิดแล้ว
อย่าไปเลยนะ...ฮือ....”สภาพผมเหมือนสามีที่กำลังจะทิ้งเมียยังไงไม่รู้
แต่กลับกันตรงที่ผมโดนมันฟันแถมฟันที่ระเบียงด้วย
นี้ถ้าพรุ่งนี้ผมกับมันกลายเป็นคลิปวีดีโอว่อนเน็ตก็ไม่ต้องแปลกใจเลย
“ไอ้เซโล่กูบอกให้ปล่อยไง
ตุ๊บ!”ผมยกเท้าขึ้นถีบมันเต็มๆ
มันจึงยอมปล่อยทั้งเสื้อทั้งขาผม ผมจึงได้อิสระเดินออกจากบ้านมัน
แถมด้วยการขโมยรถมันขับกลับบ้านซะเลย
“ยองแจอ่า.....ได้โปรดอย่าไป.....”มันกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่พื้น ยื่นมือออกมาหาผม เออ...มันคิดว่ามันถ่ายฉากละครน้ำเน่าอยู่รึไงว่ะ
ผมไม่สนใจขับรถออกจากบ้านมันทันที ให้มันรู้ซะมั้งว่าอย่าง ยู ยองแจ ไม่เจ๋งจริงไม่อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้หรอก
ก็ผมเจ้าชู้นิเนอะ^^
**********
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น